ข่าวประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2568

ข่าวในประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

1. 'ธนกร' นำผู้บริหารกระทรวงอุตฯ ลงพื้นที่เชียงราย เยี่ยมชมอาณาจักร 'มิลลิเมด' (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2568)

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นาย  ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพลวศุตม์ มหาเอี่ยมศิริ ประธานคณะ  ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสุรพล ปลื้มใจ นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเตมีย์ พันธุวงค์ราช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ นางสาวจิรัฐิติกาล จันทราทิพย์ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจราชการพร้อมหารือแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ทั้งนี้ ได้เข้าเยี่ยมชม บริษัท มิลลิเมด บีเอฟเอส จำกัด ณ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตยาที่ทันสมัยและเป็นกำลังสำคัญในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ของประเทศ มีผลิตภัณฑ์ อาทิ AMOGIN-GEL (อาโมจิน-เยล) ยาลดกรดและบรรเทาอาการกรดไหลย้อน และผลิตภัณฑ์สมุนไพร I-HERB (ไอ-เฮิร์บ) ยาแก้ไอขับเสมหะสูตรไม่มีน้ำตาล (Sugar Free) เป็นต้น ทั้งนี้ ยังได้ร่วมหารือถึงแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาล และกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมสมุนไพร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตในประเทศ เชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ และตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลให้สถานประกอบการดำเนินกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐาน และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การมีโรงงานผลิตยาที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ จะเป็นโอกาสในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมไทยขึ้นไปอีกขั้น จนสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านสุขภาพในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลกได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการรับฟังปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ และให้กำลังใจผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงราย ที่เป็นฐานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานสูงระดับสากล ซึ่งจะช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยได้อย่างแน่นอน

 

รูปภาพประกอบด้วย ใบหน้าของมนุษย์, เสื้อผ้า, คน, ยิ้ม

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นางอารดา เฟื่องทอง

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

2. พาณิชย์คุมเข้ม “มัน” นำเข้า (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2568)

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นผลผลิตมันสำปะหลัง ทั้งของไทย และเพื่อนบ้านออกสู่ตลาดจำนวนมาก กรมได้ยกระดับการตรวจสอบคุณภาพมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มข้น เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2568 – มีนาคม 2569 โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปประจำที่ด่านศุลกากรสำคัญ 4 ด่านดำเนินการตรวจสอบและป้องกันการนำเข้ามันสำปะหลังที่ไม่ได้มาตรฐาน ได้แก่ 1. ด่านศุลกากรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี 2. ด่านศุลกากรท่าลี่ จังหวัดเลย 3. ด่านศุลกากรบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ และ 4. ด่านศุลกากรมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร นอกจากนี้ กรมยังมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาตรฐานสินค้า พร้อมชุดตรวจพิเศษลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบมันสำปะหลังนำเข้าให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น พาณิชย์จังหวัด นายด่านศุลกากร เป็นต้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตาม ชุดตรวจคุณภาพมันเส้นของกรม จะทำหน้าที่เสมือนกล้องวงจรปิด คุมเข้มมันสำปะหลังนำเข้าทั้ง 4 ด่าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามันสำปะหลังที่นำเข้ามามีคุณภาพ หากพบว่า มีการนำเข้ามันเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน กรมจะดำเนินการพักทะเบียนผู้นำเข้าโดยทันที เพื่อแก้ปัญหาการนำเข้ามันสำปะหลังคุณภาพต่ำและราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการป้องปรามให้ผู้ประกอบการนำเข้ามันสำปะหลังตามแนวชายแดน มีความตระหนักว่าจะต้องนำเข้ามันสำปะหลังที่มีคุณภาพได้มาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น อันจะส่งผลทำให้สามารถรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าในประเทศ และสร้างความพอใจให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวงพาณิชย์

 

รูปภาพประกอบด้วย คน, ใบหน้าของมนุษย์, ผนัง, ยิ้ม

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายอภิชิต ประสพรัตน์

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. ดัน 'เอสเอ็มอี' สู่ศก.รักษ์โลก (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2568)

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามในเอ็มโอยู กับ บมจ.ปตท. และ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ ในโครงการความร่วมมือเพื่อเสริมศักยภาพเอสเอ็มอี ด้านพลังงานและความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย โดยบูรณาการศักยภาพทั้ง 3 องค์กร โดย ส.อ.ท. เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเครือข่ายเอสเอ็มอี ขณะที่ ปตท. เป็นดิจิทัลโซลูชันและสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และโออาร์ ลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีเกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาโมเดลธุรกิจ เพื่อผลักดันให้เอสเอ็มอีไม่น้อยกว่า 300-500 ราย ให้บริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ ส.อ.ท. โดยสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต หรือเอสเอ็มไอ จะเชื่อมโยงสมาชิกเครือข่ายเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ให้เข้าถึงโซลูชันด้านพลังงานและการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดเด่นในโครงการคือเอสเอ็มอีไม่ต้องลงทุนเองในช่วงเริ่มต้น เพราะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ปตท.

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท. ให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอี ในฐานะฟันเฟืองหลักระบบเศรษฐกิจไทย มีการสร้างมูลค่าให้กับประเทศกว่า 35% ของจีดีพี ปตท. จะทำหน้าที่บูรณาการแพลตฟอร์มโดยรวมที่เชื่อมโยงเอสเอ็มอี เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ดิจิทัลโซลูชัน ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ ให้เอสเอ็มอี บริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการดำเนิน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

 

ข่าวต่างประเทศ 

รูปภาพประกอบด้วย ธง, ธงประจำชาติสหรัฐอเมริกา, วันธง (สหรัฐอเมริกา), วันประกาศอิสรภาพ

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

4. สหรัฐเผยดัชนี CPI +2.7% เดือนพ.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2568)

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยไม่มีการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 7 พฤศจิกายน เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้ทางกระทรวงฯ ไม่สามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังของการสำรวจได้ นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนพฤศจิกายน จะเป็นตัวเลขเทียบรายปีเท่านั้น โดยไม่มีตัวเลขเทียบรายเดือน เนื่องจากกระทรวงฯ ไม่มีการรายงานตัวเลข CPI ประจำเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.0% ในเดือนกันยายน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.0% จากระดับ 3.0% ในเดือนกันยายน

 

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)