ข่าวประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2568

ข่าวในประเทศ

นางดวงดาว ขาวเจริญ

รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. อุตฯ อัดงบพัฒนาเอสเอ็มอี ตั้งเป้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 209.56 ล้าน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2568)

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี ครั้งที่ 1/2569 ได้มีมติอนุมัติโครงการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 กรอบวงเงิน 20 ล้านบาท เป้าหมายผลผลิต 400 กิจการ 1,000 คน จำนวน 3 โครงการ โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 209.56 ล้านบาท หรือคิดคิดเป็น 10.48 เท่าของงบประมาณ ดังนี้ (1) โครงการเสริมแกร่งธุรกิจการเงินดีมีทุนหนุนเติบโต (FinancialShield) วงเงิน 5.86 ล้านบาท เป้าหมายผลผลิต 100 กิจการ 400 คน มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้และทักษะในการบริหารจัดการการเงิน การเสริมสภาพคล่องธุรกิจ และบริหารจัดการหนี้ (2) โครงการพัฒนาประสิทธิภาพธุรกิจเพิ่มผลผลิตพิชิตต้นทุน (Productivity Accelerator) วงเงิน 8.80 ล้านบาท เป้าหมายผลผลิต 200 กิจการ 400 คน มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารจัดการธุรกิจ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนลดการสูญเสีย ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (3) โครงการเตรียมพร้อมธุรกิจขยายโอกาสยกระดับสู่อนาคต (Global & Future Readiness) วงเงิน 5.34 ล้านบาท เป้าหมายผลผลิต 100 กิจการ 200 คน มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพธุรกิจและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต โดยการขยายตลาดใหม่เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านมาตรฐานระดับสากล รวมถึงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนด้วย ESG นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอี ในปึงบประมาณ พ.ศ. 2568จำนวน 4 โครงการ ภายใต้งบประมาณ 20 ล้านบาท ได้แก่ (1)โครงการเสริมแกร่งการเงิน เพิ่มทุนหนุนธุรกิจ (สุขใจ) (2) โครงการยกระดับธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (เปิดใจ) (3)โครงการพัฒนาฮาลาลไทยรับรองได้ ขายส่งออกชัวร์ (มั่นใจ) และ (4) โครงการพลิกชีวิต ฟื้นธุรกิจ ปรับหนี้ให้อยู่รอด (สู้สุดใจ) ซึ่งจากผลการดำเนินงานมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการและได้รับคำปรึกษาแนะนำเชิงลึก จำนวนรวมทั้งสิ้น 403 กิจการ รวมถึงมีผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมเสริมสร้างองค์ความรู้ในด้านต่างๆ จำนวนรวมกว่า 1,086 คน โดยผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการในภาพรวมเบื้องต้นพบว่าผู้ประกอบการมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 90% และมีผลิตภาพในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า10%

อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ควบคู่ไปกับการเติมทุนจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง

 

รูปภาพประกอบด้วย คน, เสื้อผ้า, ใบหน้าของมนุษย์, ผนัง

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์

 

2. DITP ชี้ช่องการค้า เพิ่มโอกาสขายของร้านอาหารไทยในสหรัฐ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2568)

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้าและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก นางสุปรารถนา กมลเวช ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ถึงผลสำรวจเทรนด์การรับประทานอาหารของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ในปี 2026 ที่พบว่าชาวอเมริกันได้หันมารับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น แต่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าการจองร้านผ่านออนไลน์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ที่จะใช้เทรนด์นี้มาปรับใช้ในการทำธุรกิจอาหารไทยในสหรัฐฯ โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า OpenTable ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสำหรับร้านอาหารและเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Booking Holdings, Inc. มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟฟอร์เนีย ให้บริการร้านอาหารกว่า 60,000 แห่งทั่วโลกในการจองโต๊ะกว่า 1.9 พันล้านที่นั่งต่อปี โดยใช้เทคโนโลยีช่วยผู้บริโภคค้นหาและจองร้านที่เหมาะสมสำหรับทุกโอกาส ได้เปิดเผยรายงานล่าสุด "2026 Dining Trends Report" ว่า การประเมินภาพรวมเทรนด์การรับประทานอาหาร รายงานวิเคราะห์พฤติกรรมการรับประทานอาหารของชาวอเมริกัน และแนวโน้มที่จะกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมร้านอาหาร ในปี 2026

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการเติบโตของการบริโภคอาหารนอกบ้านของชาวอเมริกันในปี 2026 แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความระมัดระวังค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ก็ยังออกไปบริโภค โดยจะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ประสบการณ์ และความสะดวกมากขึ้น ดังนั้น ร้านอาหารไทยที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการขาย ต้องหันมาใช้ระบบออนไลน์ ระบบจองโต๊ะ และซอฟต์แวร์จัดการโต๊ะมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและบริการลูกค้า และต้องให้ประสบการณ์พิเศษให้กับผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับร้านที่มีอะไรให้มากกว่าอาหาร เช่น บรรยากาศ เมนูเทรนด์ ประสบการณ์ที่แตกต่าง จากปกติ อาทิ อาหารเฮลท์ตี้ ใส่ใจสุขภาพ ความยั่งยืน รวมถึงเมนูที่เน้นวัตถุดิบธรรมชาติ และอาหารที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากร้านอาหารไทยปรับตัวตามเทรนด์ได้ ก็จะทำให้มีโอกาสขายได้มากขึ้น

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. สอท.ชี้อุตฯ ติดหล่มเร่งไม่ขึ้น (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2568)

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยปี 2569 เป็นอีกหนึ่งปีที่ยังต้องดำเนินไปท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศ และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างภายในประเทศเอง ซึ่งรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในต้นปีหน้า ควรเร่งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศผ่านการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมจากการรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ไปสู่อุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ และพลังงานสะอาด เพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานและลดต้นทุนในระยะยาว นอกจากนี้ จำเป็นต้องเร่งเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การเพิ่มการใช้โลคัล คอนเทนต์ และสินค้าเมด อินไทยแลนด์ รวมถึงการใช้มาตรการภาษี การสนับสนุนเงินทุน และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นเครื่องมือสร้างอุปสงค์ในประเทศ

อย่างไรก็ตาม รัฐควรสร้างเสถียรภาพเชิงนโยบาย ลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ และยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติให้เป็นระบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและภาคธุรกิจ หากขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวได้อย่างจริงจังและมีเป้าหมายร่วมกัน โดยภาคอุตสาหกรรม ยังอยู่ในภาวะประคองตัวมากกว่าการฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งหากปล่อยให้เศรษฐกิจชะลอลงมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะชะงักงันคล้ายกับรถติดหล่ม คือแม้จะพยายามเร่งเครื่อง แต่ไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเกาหลีใต้ Q1/69 ขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังกังวลเงินวอนอ่อนค่า (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2568)

หอการค้าและอุตสาหกรรมเกาหลี (KCCI) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเกาหลีใต้ในไตรมาสแรกของปีหน้าขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ผู้ประกอบการยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินวอนที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจบริษัทในภาคการผลิตของเกาหลีใต้จำนวน 2,208 แห่ง ซึ่งดำเนินการโดย KCCI พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (BSI) สำหรับช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2569 อยู่ที่ระดับ 77 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 74 ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ดัชนีที่ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่า ผู้ประกอบการที่มีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจมีจำนวนมากกว่าผู้ประกอบการที่มีมุมมองเป็นบวก ซึ่งดัชนีอยู่ต่ำกว่า 100 มาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564 จากการรวบรวมข้อมูลโดย KCCI

อย่างไรก็ตาม KCCI ระบุว่า ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินวอน และการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ แม้ความไม่แน่นอนทางการค้าจะคลี่คลายลง และมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นก็ตาม

 

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)