ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนกันยายน 2565

ข่าวในประเทศ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. 'สุริยะ' สั่ง กนอ. กำชับนิคมฯ เฝ้าระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลัน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 6 กันยายน 2565)

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรม ติดตามสถานการณ์ พร้อมเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วม เพื่อลดผลกระทบจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย โดยให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กำชับนิคมฯ ทั้ง 67 แห่งทั่วประเทศ ให้ติดตามและเฝ้าระวัง      การเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น นิคมฯบางปะอิน นิคมฯ บ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมฯนครหลวง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มต่ำและติดแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ รวมถึงนิคมฯบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ที่อยู่ใกล้ทะเล อาจเกิดน้ำทะเลหนุนได้ ทั้งนี้ ได้รับรายงานจาก กนอ.ว่าแต่ละนิคมฯมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างชัดเจน และบางนิคมฯยังมีการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำได้อย่างแน่นอนขณะเดียวกันได้มีการติดตามข้อมูลการระบายน้ำจากทั้ง 3 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนพระราม 6 อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตรวจสอบระดับน้ำและปริมาณน้ำฝนตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมในนิคมฯอย่างเคร่งครัด อาทิ ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด, คาดการณ์ปริมาณฝนในพื้นที่, ตรวจสอบและซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำ รวมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองที่มีอยู่ให้ใช้งานได้ 100%, พร่องน้ำภายในพื้นที่นิคมฯให้อยู่ในระดับต่ำสุด เพื่อเป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำ เป็นต้น

 

นายวันชัย พนมชัย

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

2. กรอ.ตื่นเร่งสอบโรงงานปุ๋ยเคมีที่มาบตาพุดหลังลอบทิ้งกากของเสียกว่า 80,000 ตัน (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 8 กันยายน 2565)

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการด่วนให้ นายพฤกษ์ ศิโรรัตนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง จากกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชนพื้นที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ว่าในแต่ละวันมีรถบรรทุกขนาดใหญ่บรรทุกผงฝุ่นสีขาวเต็มคันสัญจรไป-มา ประมาณ 100 คัน บางคันใช้ผ้าใบสแลนกันแดดคลุม และบางคันไม่มีการคลุมป้องกัน ซึ่งเมื่อรถบรรทุกดังกล่าววิ่งด้วยความเร็วส่งผลให้ฝุ่นฟุ้งกระจายตามท้องถนน และปลิวเข้าบ้านเรือน ตลอดจนติดล้อรถออกมาสะสมบริเวณพื้นผิวจราจร ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนในพื้นที่และผู้สัญจรไป-มา เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบกองกากของเสียอุตสาหกรรมจำนวนมากในพื้นที่โรงงาน มีรถบรรทุกจอดรอคิว เพื่อขนของเสียไปทิ้งนอกโรงงาน ซึ่งโรงงานดังกล่าวประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมี ยิปซัม แอมโมเนีย แอมโมเนียไฮดรอกไซด์ กรดกำมะถัน ตรวจสอบพื้นที่ภายในบริเวณโรงงานพบวัสดุลักษณะผงสีขาวจับตัวกันแข็งเป็นก้อน กองสูง 20 - 30 เมตร บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ คาดมีจำนวนกว่า 500,000 ตัน โดยมีรถแบคโฮ นับ 10 คัน กำลังขุดตักของเสียใส่รถบรรทุกเพื่อนำออกไปทิ้งนอกโรงงาน จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บริษัท พบว่าเป็นของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงานผลิตปุ๋ยแห่งชาติ ที่ได้เลิกกิจการไปแล้วกว่า 20 ปี โดยยอมรับว่าได้ขนออกไปแล้วกว่า 80,000 ตัน เพื่อไปฝังกลบไว้ในที่ดินว่างห่างออกไปจากโรงงาน 10 กิโลเมตร กรอ. ได้ตามไปตรวจสอบในพื้นที่ฝังกลบ พบว่าเป็นบ่อดินเดิมที่ทิ้งร้าง และมีรถแบคโฮ 5 คัน กำลังไถปรับพื้นที่ จึงสั่งให้ผู้ควบคุมหยุดการดำเนินการทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม กรอ. ได้สั่งการให้โรงงานหยุดขนออกนอกโรงงานโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้การขนย้ายมีผลกระทบกับชุมชนโดยรอบ และเก็บตัวอย่างผงฝุ่นสีขาวเพื่อตรวจสอบ เนื่องจากการขนย้ายดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตจาก กรอ. ทั้งนี้ กรอ.จะสั่งการให้เร่งนำไปบำบัดและกำจัดให้ถูกต้อง ทั้งของที่อยู่ในโรงงานและที่นำไปลักลอบทิ้ง และพร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับโรงงานให้ถึงที่สุด สำหรับการลักลอบทิ้งกากเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน และสร้างผลกระทบต่อชุมชนอย่างมาก กรอ. จึงได้พยายามแก้ปัญหาดังกล่าวแบบครบวงจร โดยที่ผ่านมาได้มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับกากอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด ทั้งเสนอแก้ไขกฎหมาย เพิ่มโทษจำคุกกับพวกลักลอบทิ้งกาก ตลอดจนดำเนินคดีกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่รายงานการขนกากออกนอกโรงงานกว่า 50,000 ราย พร้อมทั้งนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มากำกับการขนย้ายกากแบบครบวงจร (E-Fully Manifest) และในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 นี้ กรอ.จะส่งเจ้าหน้าที่    ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่มีหน้าที่รับกำจัดกาก แบบปูพรมทั่วประเทศพร้อมกัน เพื่อกำกับการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพที่สุด

 

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย และพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การ มหาชน) หรือ GIT

 

 

3. อัญมณีฯ บุกตลาดออนไลน์ GIT จับมืออีเบย์สร้างความเชื่อมั่นผู้ซื้อ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 9 กันยายน 2565)

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย และพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การ มหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า GIT ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อีเบย์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยที่จำหน่ายในตลาดออนไลน์ ผ่าน eBay Marketplaces ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับชั้นนำของโลก โดยมุ่งเน้นการสร้าง ความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน ภายใต้โครงการ ซื้อด้วยความมั่นใจ (Buy with Confidence - BWC) ที่จะเข้ามาช่วยรับประกันว่าอัญมณีและเครื่องประดับที่จำหน่ายผ่าน eBay และมีตรารับรองนี้ เป็นของแท้ เชื่อถือได้ โดยปัจจุบันการซื้อขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้ซื้อไม่มีโอกาสเห็นสินค้าจริง บ่อยครั้งมักเกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ซื้อและ ผู้ขาย ในเรื่องคุณภาพและคุณลักษณะของสินค้า โดยการ ที่ GIT ร่วมมือกับ eBay ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมอัญมณีของไทยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายวิทเมย์ ไนยนี ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย eBay International CBT (Cross Border Trade) กล่าวว่า อัญมณีทั้งแบบเม็ดและขึ้นเรือนเป็นเครื่องประดับ เป็นกลุ่มสินค้า ขายดีอันดับต้นๆ ที่ผู้ขายจากไทยทำการขายและส่งออกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกผ่านอีเบย์ โดยความร่วมมือกับ GIT ที่มีโครงการ BWC จะยิ่งช่วยยกระดับความมั่นใจของผู้ใช้อีเบย์ 138 ล้านคนทั่วโลกที่มีต่อสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับจากไทย หากซื้อจากร้านค้าที่มีตรารับรอง BWC จะได้ของดี ของแท้ ของคุณภาพ

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. การค้าจีนเดือนส.ค.ส่อแววชะลอตัวส่งผลเศรษฐกิจฟื้นช้า (ที่มา: ข่าวหุ้น, ประจำวันที่ 6 กันยายน 2565)

ข้อมูลจากรอยเตอร์โพล เปิดเผยว่า อัตราการส่งออกของจีนมีแนวโน้มที่จะแผ่วลงในเดือนสิงหาคม 2565 ท่ามกลางอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ ในขณะที่การนำเข้ายังถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตช้าลงจากการบริโภคที่ซบเซา และวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ ที่เพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยค่ากลางจากนักเศรษฐศาสตร์ 26 คน บ่งชี้ว่า การส่งออกในเดือนสิงหาคม 2565 ของจีนจะขยายตัว 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะลดลงจากการเติบโต 18.0% ในเดือนกรกฎาคม 2565 ทั้งนี้ การขยายตัวถึงสองหลักชี้ให้เห็นว่า การส่งออกที่กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองเป็นหนึ่งในปัจจัยผลักดันหลักของจีน แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าจะชะลอตัวลงจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ทำลายอุปสงค์จากต่างประเทศ และนโยบายโควิดเป็นศูนย์นั้นจะทำให้การผลิต และกิจกรรมทางธุรกิจต้องชะงักลง

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มองเห็นถึงสัญญาณการส่งออกที่ชะลอตัวในเดือนสิงหาคม โดยจำนวนสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายในท่าเรือใหญ่ทั้งแปดของจีนสำหรับการส่งออก และนำเข้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม จนถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เดือนกรกฎาคม 2565 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 14.7% ทั้งแบบสำรวจกิจกรรมในโรงงานของภาครัฐ และเอกชน ต่างแสดงให้เห็นถึงรายการส่งออกใหม่ของดัชนีย่อยยังติดลบในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการส่งออกที่อยู่ในช่วงขาลงด้านการนำเข้านั้นถูกมองว่าจะขยายตัว 1.1% ในเดือนสิงหาคม เทียบกับการขยายตัว 2.3% ในเดือนกรกฎาคม โดยการส่งออกจากเกาหลีใต้มายังจีน ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้วัดตัวเลขการนำเข้าของจีนติดลบเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา         

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)