ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. 'เอกนัฏ' ถกเข้มรัฐ-เอกชน 30 หน่วยงาน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568)

นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการหารือร่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนรวมกว่า 30 หน่วยงาน อาทิเช่น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ สถาบันภายใต้กระทรวง สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ และมหาวิทยาลัย ว่า ที่ประชุมหารือ เพื่อผลักดันการสร้างคอมมูนิตี้นิคมอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตของเอสเอ็มอี และสามารถเชื่อมโยงเป็นซัพพลายเชนกับบริษัทใหญ่ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ภายใต้นโยบาย "สู้ เซฟ สร้าง ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเอสเอ็มอี ถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเติมเต็มและขยายโอกาสให้เอสเอ็มอีเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของธุรกิจขนาดใหญ่ หรือบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ทำให้เกิดการสร้างรายได้ สร้างโอกาสในการแข่งขัน และกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าผลักดันจีดีพีประเทศเติบโตเพิ่มอีก 1% โดยไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐ และจะทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุน สร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย นอกจากนี้ ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในมิติต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดและการจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมวางแผนการดำเนินงานคอมมูนิตี้นิคมอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีเพื่อวางระบบสนับสนุนครบวงจร ทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี การเงิน และการตลาด รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน หรือปัจจัยเอื้อที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะได้เข้ามามีบทบาทในด้านการส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริม การพัฒนาทักษะบุคลากรอุตสาหกรรม การสนับสนุนผู้ประกอบการในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ และการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างระบบอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สะท้อนจากเสียงของผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

A person sitting in a chair

Description automatically generated

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

 

2. สศอ. แนะผู้ประกอบการปรับตัวพัฒนาผลิตภัณฑ์ยกระดับการแข่งขัน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568)

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 อุตสาหกรรมเด่นที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 โครงการ Easy E-Receipt 2.0 รวมถึงการท่องเที่ยวที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกระแส Soft Power คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกในประเทศ ประกอบกับผู้บริโภคปัจจุบันมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารอนาคต ทั้งอาหารทางการแพทย์ อาหารที่มีคุณสมบัติเฉพาะรายบุคคลในกลุ่มผู้สูงอายุและ ผู้ควบคุมน้ำหนักมีความต้องการเพิ่มขึ้น ตลอดจนประเทศไทยยังเป็นเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกหลายรายการ เช่น ไก่แปรรูป ปลาทูน่ากระป๋อง และ อาหารสัตว์สำเร็จรูป ช่วยให้การผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องในห่วงโซ่การผลิตทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับอานิสงส์จากการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องและธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งเน้นการจัดส่งสินค้าหรือการให้บริการ Delivery ที่ขยายตัวตามธุรกิจ E-Commerce เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ต่อเนื่องไปถึงอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบเช่น พลาสติก กระดาษ และโลหะที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการผลิตนับตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ พบว่าการผลิตเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้าและตู้เย็นยังคงมีแนวโน้มขยายตัวตามการเติบโตของสังคมเมือง สะท้อนจากการจำหน่ายในประเทศและมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับประเทศไทยได้แต้มต่อจากการเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งมาตรฐานของสินค้าได้รับการยอมรับระดับโลกด้านอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ได้แรงหนุนจากการค้าผ่านช่องทาง Social Commerce และการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่าน Digital Wallet ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ควบคู่ไปกับการก้าวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลที่จำเป็นต้องนำเทคโนโลยี Cloud Computing เข้ามาใช้ประมวลผล จัดเก็บ และบริหารข้อมูล สะท้อนได้จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยยอดมูลค่าการลงทุนอุตสาหกรรมดิจิทัลในปีที่ผ่านมาสูงถึง 2.4 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุน ในกิจการ Data Center และ Cloud Service ทำให้การผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเพราะเซิร์ฟเวอร์กว่า 75% ต้องใช้ HDD ในการเก็บข้อมูลปริมาณมาก รวมถึง 80% HDD ทั้งโลกผลิตในไทย ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์สันดาป (ICE) วัสดุก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์ ต้องเร่งปรับตัวจากปัจจัยเชิงลบของหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง รวมทั้งสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ บั่นทอนให้การผลิตรองรับการบริโภคชะลอตัว ขณะเดียวกันผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ทะลักเข้าไทยยังคงเป็นปัจจัยกดดันที่ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญ

อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 อุตสาหกรรมดาวเด่นได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและบรรยากาศการค้าโลก ขณะที่บางอุตสาหกรรมต้องปรับตัว เนื่องจากเผชิญกับความท้าทายต่อการปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์โลกและการแข่งขันที่สูงขึ้น เพื่อรักษาขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก ผู้ประกอบการควรปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับผลิตภาพการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนการนำเข้าและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายวันชัย พนมชัย

เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

 

3. กระทรวงอุตสาหกรรม ดันอุตสาหกรรมไมซ์ หวังดึงอีเว้นท์ระดับโลกเข้าไทยสร้างรายได้ (ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ, ประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568)

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สมอ. ได้มอบใบรับรองการเป็นหน่วยรับรองบุคลากรด้านการจัดประชุม ตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17024 : 2012 ให้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล  ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ รวมทั้งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ (Meeting, Incentive, Convention, Exhibition - MICE) หรือ อุตสาหกรรมการประชุมและนิทรรศการของไทย ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นจากนานาชาติในศักยภาพของประเทศไทยในการจัดงานประชุมและอีเว้นท์ระดับโลก นำรายได้มาสู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำหรับอุตสาหกรรมไมซ์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยมีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมไมซ์มีความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวโดยตรง โดยในปี 2567 สามารถสร้างรายได้รวม 148,341 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.27% จากปี 2566 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการยกเว้นวีซ่าให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ มาตรการเกี่ยวกับวีซ่าหน้าด่าน (Visa on Arrival: VoA) ที่ให้สิทธิกับนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศมากขึ้น

อย่างไรก็ดี นายวันชัย กล่าวอีกว่า มาตรฐาน ISO/IEC 17024 : 2012 เป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดย สสปน. ได้รับการรับรองระบบงานหน่วยรับรอง ในสาขาหน่วยรับรองบุคลากร ในขอบข่ายการจัดการประชุม อาชีพนักจัดการประชุม คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 ซึ่งเป็นการการันตีว่า สสปน. มีกระบวนการประเมินเพื่อวัดความสามารถของอาชีพนักจัดการประชุมที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งมีบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพการจัดประชุม จึงทำให้บุคลากรที่ผ่านการประเมินจาก สสปน. มีความสามารถในการเป็นนักจัดประชุมมืออาชีพ ซึ่งเป็นที่ต้องการของนายจ้างและองค์กรต่างประเทศ ช่วยให้การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพง่ายขึ้น ลดการประเมินคุณสมบัติซ้ำ สร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดแรงงานนานาชาติ

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 29.26 ล้านล้านเยน ในปี 2567 (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568)

กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยข้อมูลว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 29.26 ล้านล้านเยน (1.93 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2567 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศซึ่งสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าและยอดขาดดุลการค้าลดลง โดยในรายงานระบุว่า รายได้ปฐมภูมิ (Primary Income) ซึ่งสะท้อนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ อยู่ที่ 40.21 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 11.3% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ด้านการค้าสินค้า (Goods Trade) ขาดดุล 3.90 ล้านล้านเยน ลดลง 40% โดยยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 4.5% แตะระดับ 104.87 ล้านล้านเยน และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.8% แตะระดับ 108.77 ล้านล้านเยน ซึ่งเมื่อนับเฉพาะเดือนธันวาคม 2567 ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.08 ล้านล้านเยน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นดัชนีชี้วัดที่ครอบคลุมการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดตัวหนึ่ง

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)