ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. 'เอกนัฏ' ลุยตรวจเข้ม จับสายไฟ-เหล็กเส้นไม่ได้มาตราฐาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 49 ล้าน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 1 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) นายสุตตะนนท์ โสวนิตย์ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 2 สมอ. เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) เข้าตรวจร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่และโรงงานเหล็กร่วมทุนจีน โดยได้ยึดอายัดหลอดไฟ สายไฟ และเหล็กเส้นตกเกรด มูลค่ารวมกว่า 49.2 ล้านบาท ใน 2 พื้นที่ โดยทีมชุดตรวจการสุดซอยได้เข้าตรวจร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัท นิว สตาร์ไลท์ เทค (ไทยแลนด์) จำกัด แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ โดยระบุชื่อนายต้า ชิ่ง วู๋ เป็นกรรมการ ซึ่งบริษัทฯ เคยถูกดำเนินคดีและจับกุมเมื่อปี 2564 ได้ถูกยึดอายัดของกลางกว่า 11 ล้านบาท และทางคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ได้มีคำสั่งให้ทำลายของกลาง และเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา สมอ. ได้เข้าดำเนินการตามคำสั่ง กมอ. ปรากฏว่าของกลางทั้งหมดหายไป เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกประจำวันและดำเนินคดี พร้อมขยายผลต่อโดยตรวจพบสินค้าไม่มี มอก. ล็อตใหม่มูลค่ากว่า 26.3 ล้านบาท เช่น หลอดไฟแอลอีดี โคมไฟ หลอดไฟขั้วเกลียว แหล่งจ่ายไฟสำหรับคอมพิวเตอร์ อะแดปเตอร์ สายไฟ และป้ายไฟ เป็นต้น จึงได้ยึดอายัดและดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานและนำของกลางมาเก็บรักษาไว้เพื่อไม่ให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอีก นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่ต่อเนื่องไปยังบริษัท ชลบุรี สเปเชียล สตีล กรุ๊ป จำกัด ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-จีน โดยมีบริษัท เถิง เฟิง สตีล จำกัด เป็นผู้ร่วมลงทุน ซึ่งทางบริษัท ชลบุรีฯ ได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. 3 ฉบับ ได้แก่ เหล็กเส้นกลม มอก. เหล็กข้ออ้อย มอก. และเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งผลทดสอบเหล็กเส้นกลม ขนาด RB 9 ชั้นคุณภาพ SR24 จากสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในรายการเครื่องหมายและฉลาก ระยะห่างระหว่างตัวนูน แม้ไม่ส่งผลต่อความปลอดภัย แต่ก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้บริโภคในการตรวจสอบ โดยได้ยึดอายัดเหล็กเส้นกลม ขนาด RB 9 ชั้นคุณภาพ SR24 รุ่นการผลิตเดือนมกราคม 2568 จำนวน 229,600 เส้น น้ำหนัก 1,148 ตัน มูลค่ากว่า 22.9 ล้านบาท และดำเนินคดีกับบริษัทฯ โทษฐานทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน พร้อมทั้งแจ้งให้แก้ไขกระบวนการผลิตภายในระยะเวลา 30 วัน มิฉะนั้นจะสั่งพักใช้ใบอนุญาต และสั่งให้บริษัทฯ เรียกคืนเหล็กที่จำหน่ายออกไปแล้วกลับคืนมา

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้สินค้าควบคุมต้องผลิตและจำหน่ายสินค้าดีมีมาตรฐานให้กับประชาชน โดยเฉพาะ "เครื่องใช้ไฟฟ้าและเหล็กเส้น" ถือเป็นสินค้าที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของประชาชน หากไม่มีมาตรฐานอาจก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือ โครงสร้างบ้านเรือน ที่พักอาศัย สะพานถล่ม ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงต้องมีการกำกับดูแลควบคุมคุณภาพของสายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเส้นที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. ต้องแสดงเครื่องหมาย มอก.รวมถึงคิวอาร์โค้ดบนสินค้า เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีการลักลอบนำเข้า-ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน

 

A person sitting at a desk writing on papers

AI-generated content may be incorrect.

นายณัฐพล รังสิตพล

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

2. ก.อุตฯ ดันสมุนไพรบุกตลาดโลก ยก 'เทพไทย' โอท็อปสู่เอสเอ็มอี (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568)

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการในจังหวัดสงขลา ตามนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ ณ บริษัท เทพไทย โปรดัคท์ จำกัด จังหวัดสงขลา ผู้ผลิตยาสีฟัน สบู่ และโลชั่นบำรุงผิวจากส่วนผสมสมุนไพร อาทิ การบูร พิมเสน เมนทอล ข่อย กานพลู ใบฝรั่ง อบเชย ชะเอม โดยบริษัท เทพไทยฯ เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่กระทรวงอุตสาหกรรมภาคภูมิใจ เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ โดยแรกเริ่มเป็นกิจการโอท็อป ก่อนจะขยับขยายเป็นกิจการเอสเอ็มอีที่เป็นที่รู้จัก โดยบริษัทได้รับการสนับสนุนผ่านกลไกเครื่องมือต่างๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประเภทการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2566

อย่างไรก็ตาม จะส่งเสริมสนับสนุนการชูอัตลักษณ์เรื่องของสมุนไพรเพื่อสร้างจุดแข็งที่สำคัญทางการตลาด ทำให้สินค้ามีความโดดเด่น น่าสนใจ และเป็นที่สนใจของตลาดต่างชาติ นับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีอัตลักษณ์อย่างหนึ่งที่สามารถส่งออกไปยังตลาดต่างชาติได้ ระยะต่อไปจะส่งเสริมในด้านต่างๆ อาทิ การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ การจับคู่ทางการค้า การสนับสนุนเรื่องการวิจัยผลิตภัณฑ์

 

A person sitting in a chair

Description automatically generated

นายภาสกร ชัยรัตน์

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

 

3. สศอ. ยกเครื่องอุตฯ เพิ่มแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568)

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. ได้เดินหน้ายกร่างมาตรการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโดยระดมความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการร่วมกันกำหนดเป้าหมาย มาตรการสนับสนุนในระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงโครงการเร่งด่วนให้เกิดผลเร็ว (Quick Win) และทิศทางโครงสร้างอุตสาหกรรม 9 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะการ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมฐานชีวภาพ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สำหรับแต่ละสาขาอุตสาหกรรมได้กำหนดทิศทางการพัฒนาและผลิตภัณฑ์เป้าหมายในการปรับโครงสร้าง ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นฐานการผลิต (Product Champion) เช่น รถยนต์นั่ง รถกระบะ 1 ตัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ประกอบด้วย รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน รวมทั้งกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ 2. อุตสาหกรรมพลาสติก เน้นผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิลในสัดส่วนสูง รองรับการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 3. อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ จะมุ่งผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ใช้กับโรคที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น 4. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะการ จะสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเหล็กไทย มุ่งสู่การผลิตเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5. อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ส่งเสริมให้มีการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงพัฒนาบุคลากรด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ 6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เน้นดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นน้ำและเทคโนโลยีขั้นสูง ยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าเดิมให้มี High Value/ High Technology 7. อุตสาหกรรมฐานชีวภาพ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพลาสติกชีวภาพ เคมีชีวภาพ และโอลิโอเคมีคอล 8. อุตสาหกรรมอาหาร ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มสินค้าอาหารพื้นฐานที่เป็นความมั่นคงทางอาหาร และกลุ่มสินค้าอนาคต (Future Food) และ 9. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ ต้นน้ำ-ปลายน้ำ เช่น Technical Fiber, Technical Textile และ Fashion Brand

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังได้จัดพัฒนาปัจจัยแวดล้อมธุรกิจที่เป็นส่วนสนับสนุนให้การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในภาพรวมดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การพัฒนากำลังคน การวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม กระบวนการผลิต การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมจะช่วยพลิกฟื้นภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นเครื่องยนต์สำคัญที่จะเพิ่มแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มากขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยตั้งเป้าให้ภาคอุตสาหกรรมมีส่วนผลักดัน GDP  ของประเทศเติบโตไม่น้อยกว่า 1% โดยไม่ใช้งบประมาณ ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่มุ่งเน้น "การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" คาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. PMI ภาคผลิตขั้นต้นญี่ปุ่นหดตัว 8 เดือนติด แม้ส่งสัญญาณฟื้น (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568)

au Jibun Bank เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้นเป็น 48.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ที่ 48.7 ในเดือนมกราคม สะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมที่ซบเซาอาจเริ่มฟื้นตัว โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้การลงทุนภาคธุรกิจเป็นตัวหนุน GDP ญี่ปุ่นในไตรมาสที่ผ่านมา แต่ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอตั้งแต่ก่อนที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์และสินค้าส่งออกสำคัญของญี่ปุ่น ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งการปรับตัวดีขึ้นนี้มาจากการลดลงที่ชะลอตัวของผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ PMI ภาคการผลิต

อย่างไรก็ตาม ทางด้าน อุซามะฮ์ ภัตติ นักเศรษฐศาสตร์จากเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า ความเชื่อมั่นต่อกิจกรรมทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ โดยความคาดหวังต่อผลผลิตของผู้ผลิตแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ระบุว่า การขาดแคลนแรงงาน เงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง และเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นโดยรวม ทั้งนี้ ในทางตรงกันข้าม ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นปรับขึ้นเป็น 53.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ จาก 53.0 ในเดือนมกราคม จากการขยายตัวของธุรกิจใหม่และอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)