ข่าวในประเทศ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. “เอกนัฏ” ดัน “สมุทรสาครโมเดล” ชง DSI ขุดรากถอนโคนขบวนการขนขยะอันตรายเข้าประเทศ (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยตำรวจสอบสวนกลางและคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีเหตุโกดัง เก็บพลาสติกรีไซเคิลของบริษัท เถิงต๋า พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด มีนายฟูควน ลัว เป็นผู้เช่าอาคารโกดังต่อจากเจ้าของคนไทย ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เช่าและผู้ให้เช่ามีการกระทำความผิดกฎหมายและฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ในหลายกรณี อาทิ มีการก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตมีการลักลอบประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ลักลอบตั้งโรงงานในพื้นที่ขัดผังเมืองและมีการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้ง ยังมีการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำพวกสายไฟเก่า โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อนำมาทำการคัดแยกโลหะมีค่าและบดบ่อยเป็นเม็ดพลาสติกก่อนที่จะทำการจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. และความผิดอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ผิดกฎหมายทั้งหมด พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และได้ทำการยึดอายัดของกลางประกอบด้วย เศษสายไฟฟ้าและเศษพลาสติกที่บดย่อยแล้ว ปริมาณกว่า 6,900 ตัน ไว้ ณ ที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะผนึกกำลังร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร ผลักดัน “สมุทรสาครโมเดล” ยกระดับมาตรการการตรวจกำกับโรงงานอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ต้นทางกระบวนการอนุญาต โดยจะจัดให้มีคณะทำงานกลั่นกรองร่วมระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อร่วมกันให้ความเห็นประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตโรงงานกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานหล่อหลอมโลหะ โรงงานคัดแยกหรือรีไซเคิลวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว เป็นต้น นอกจากนี้ จะมีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ เพิ่มเติมให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของจังหวัดสมุทรสาครเพื่อร่วมกันเสริมกำลังให้กับชุดทำงานเฉพาะกิจเพื่อตรวจตราและเฝ้าระวังการประกอบการที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนการเฝ้าดูแลและบริหารจัดการของกลางที่ได้ทำการยึดอายัดเอาไว้ ควบคู่ไปกับที่กระทรวงอุตสาหกรรมใช้เครื่องมือ “แจ้งอุต” ให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาเผ้าระวังการประกอบการที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีทีมตรวจการสุดซอยลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นและรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสากรรม จะได้เตรียมหารือร่วมกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อส่งต่อคดีนี้ให้ไปอยู่ในความดูแลเพราะถือเป็นคดีสำคัญระดับประเทศ และเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งจะต้องดำเนินการผู้ที่เกี่ยวข้องที่เข้ามายึดพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสาคร ในการลักลอบนำเข้าวัตถุอันตรายและประกอบกิจการที่ไม่ได้รับอนุญาต ไร้มาตรฐานสินค้าไทย และยังนำออกจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานสู่ผู้บริโภค ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นายพรยศ กลั่นกรอง
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)
2. กรอ.ลุยปราบทุนจีนซุกสารเคมีอันตราย (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568)
นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารโกดัง ในตำบล คานหาม อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังได้รับร้องเรียนพบการลักลอบเก็บสารเคมีอันตรายหลายชนิดภายในโกดัง อาจเป็นวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า อาคารโกดังขนาดพื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร มีชาวจีนตกลงทำสัญญาเช่า 1 ปี ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567-31 ตุลาคม 2568 ภายในมีการแบ่งบรรจุสารเคมีหลายชนิดลงในบรรจุภัณฑ์ ติดป้ายเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบร่องรอยการล้างถังภาชนะบรรจุสารเคมีด้วยน้ำเปล่า ทดสอบวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ภายในแกลลอนบรรจุสารเคมี มีค่าเท่ากับ 1 เข้าข่ายอาจเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 ตามบัญชี 5.2 ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2556 ไม่มีหลักฐานอนุญาตให้ครอบครอง จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 54(3) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ยึดอายัดวัสดุ สิ่งของ และอื่นๆ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้สุ่มเก็บตัวอย่างสารเคมีส่งมอบให้ตรวจสอบเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่นำข้อมูลเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ณ สถานีตำรวจภูธรอุทัย ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง บทกำหนดโทษตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งข้อหาอื่นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
3. จับคู่ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย (ที่มา: สยามรัฐ, ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568)
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 บีโอไอ ร่วมกับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) บริษัทในเครือของ Chery Automobile ผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่ระดับโลกจากประเทศจีน และธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดงาน "OMODA & JAECOO Sourcing Day" ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้ผลิตในประเทศ สำหรับสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลังจากที่กลุ่ม Chery Automobile เลือกไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชนิดพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดย Chery เป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์พลังงานใหม่ที่มีการเติบโตของยอดขายและยอดส่งออกสูงที่สุดจากประเทศจีน มีผู้ใช้งานกว่า 14 ล้านคน ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก สำหรับแผนธุรกิจในประเทศไทย จะดำเนินการภายใต้บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้ตัดสินใจใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV พวงมาลัยขวาแห่งเดียวในอาเซียน เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและเป็นฐานในการส่งออก ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมติดตั้งสายการผลิตที่โรงงานในจังหวัดระยอง โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2568 ด้วยกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV สูงสุดในเฟสแรก 50,000 คันต่อปี และมีแผนจะลงทุนผลิตแบตเตอรี่ในขั้น Pack Assembly ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับ โอโมดา แอนด์ เจคู มีความตั้งใจที่จะช่วยสร้างซัพพลายเชนในไทยให้มีความพร้อมรองรับการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ของบริษัทอย่างครบวงจร โดยตั้งเป้าใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศร้อยละ 45-50 ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็นร้อยละ 70 - 80 ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยการจัดงาน "OMODA & JAECOO Sourcing Day" ในครั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าจัดซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมากจากผู้ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะใน 6 กลุ่มชิ้นส่วนสำคัญ ได้แก่ Interior, Exterior, Electrical, Chassis, New Energy และ Powertrain โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเข้าร่วมงาน 370 คน จาก 200 บริษัท และมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจเป็นรายบริษัทกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ จำนวน 50 บริษัท คาดว่าจะเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 2,100 ล้านบาท
ข่าวต่างประเทศ
4. เงินเฟ้อพื้นฐานในโตเกียวชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่ยังเกินเป้า BOJ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)
สำนักข่าวรอยเตอร์ เปิดเผยรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยตัวเลขดังกล่าว ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดที่ผันผวน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% และลดลงจากระดับ 2.5% ในเดือนมกราคม สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อของกรุงโตเกียวถือเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อของทั้งประเทศ โดยมีสาเหตุสำคัญของการชะลอตัวมาจากมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าและก๊าซที่รัฐบาลญี่ปุ่นรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในเดือนมกราคม ทั้งนี้ เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2568 นี้ ในส่วนของดัชนี CPI อีกตัวที่ไม่รวมทั้งราคาอาหารสดและเชื้อเพลิง ซึ่ง BOJ ใช้เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มราคาในภาพรวม ยังคงเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนกุมภาพันธ์เท่ากับเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ทางด้านอุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ยืนยันว่า ธนาคารกลางจะยังคงพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเติบโตของค่าจ้างและอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยที่ผ่านมา BOJ ได้ยุติมาตรการกระตุ้นทางการเงินขนานใหญ่ที่ดำเนินมากว่า 10 ปีลงเมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็น 0.5% จาก 0.25% ในเดือนมกราคม 2568
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)