ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนมีนาคม 2568

ข่าวในประเทศ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. เพิ่มขีดแข่งขันภาคอุตฯ (ที่มา: สยามรัฐ, ประจำวันที่ 4 มีนาคม 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในระหว่างการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เป้าหมายหลักของการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ ตั้งไว้เพิ่ม GDP ขึ้น 1% ให้ได้ภายใน ปี 2568 ขณะเดียวกันมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยเป้าหมายหลักคือลดขั้นตอนการอนุมัติโครงการ เร่งกระบวนการลงทุน และพัฒนาพื้นที่รองรับการลงทุนในอนาคตกว่า 50,000 ไร่ ทั้งนี้ ที่สำคัญที่สุดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมทำอย่างไรที่จะพลิกฟื้นภาคอุตสาหกรรมให้กลับมาเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืน ขณะเดียวกันได้เตรียมร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม และขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ แก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและขยะพลาสติก ซึ่งหากประชาชนพบปัญหาเกี่ยวกับโรงงานเถื่อน หรือโรงงานที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน สามารถแจ้งเรื่องได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ 'แจ้งอุต' โดยเมื่อได้รับแจ้งกระทรวงจะส่งทีมเฉพาะกิจ 'ตรวจสุดซอย'ลงพื้นที่ตรวจสอบการประกอบกิจการที่ฝ่าฝืน กฎหมายทันทีและจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการกับธุรกิจสีเทาและส่งเสริมผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดเป้าหมาย KPIs เพิ่ม GDP ขึ้น 1% ภายในปี 2568 มุ่งเน้นลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมใหม่ และ อุตสาหกรรมสีเขียว การให้ความรู้ (knowledge) แก่บุคลากร ให้มีทักษะรองรับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการลดขั้นตอนการอนุมัติ - อนุญาต รวมทั้งโครงการส่งเสริม SMEs พัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ การสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจเน้นส่งเสริม GDP ผ่านภาคอุตสาหกรรม พร้อมตั้งเป้าขยายฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อดึงดูดการลงทุนและสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านการผลักดันพระราชบัญญัติโซลาร์เซลล์ ที่ในอนาคตผู้ประกอบการสามารถติดตั้งได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต รวมถึงการปรับโครงสร้างพลังงานเพื่อลดค่าไฟฟ้า และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าใช้ในนิคมอุตสาหกรรม

 

นายณัฐพล รังสิตพล

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

2. โชว์ผลเสริมแกร่งเอสเอ็มอี สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 383 ล้าน (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568)

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอี ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ผ่าน 2 โครงการ คือ 1. โครงการพัฒนาธุรกิจดิจิทัลสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีใหม่ และ 2. โครงการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน ด้วยการลดค่าใช้จ่ายพลังงานเพิ่มรายได้ ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ จากการดำเนินงาน พบว่า โครงการที่ 1 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 260 ล้านบาท คิดเป็น 52 เท่า ของวงเงินงบประมาณโครงการ และโครงการที่ 2 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ 123 ล้านบาท คิดเป็น 24 เท่า รวม 2 โครงการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 383 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ได้เดินทางไปดูงานบริษัท บางกอกประกาย จำกัด ประกอบธุรกิจโคมไฟ ได้รับการสนับสนุนให้คำปรึกษาแนะนำจากกองทุนฯเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำงานเปลี่ยนสินค้าค้างคงคลังให้มาเป็นเงินทุนใหม่สามารถนำกลับมาเป็นรายได้ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น 50% มีเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น 15%

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

 

3. 'BOI' จับมือ 'TPCA' ดึงกลุ่ม PCB ไต้หวันปักหมุดลงทุนไทย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2568)

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า กระแสการลงทุนในไทยของกลุ่มอุตสาหกรรมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไต้หวัน (TPCA) ได้นำสมาชิกซึ่งเป็นผู้ผลิต PCB ชั้นนำ พร้อมกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดซัพพลายเชนกว่า 60 ราย เดินทางเยือนไทย เพื่อศึกษาลู่ทางการลงทุน โดยได้ร่วมกับบีโอไอ และสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย (THPCA) จัดงาน "TPCA Thailand PCB Forum 2025" เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลการลงทุน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม PCB ในไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งความร่วมมือในการเตรียมพร้อมด้านสาธารณูปโภคและบุคลากรทักษะสูง โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 ราย ทั้งนี้ PCB ถือเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด และเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานในการต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า โทรคมนาคม อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ คอมพิวเตอร์ ระบบดิจิทัล ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีผู้ผลิต PCB และแผงวงจรสำเร็จรูป (PCBA) รวมทั้ง ผู้ผลิตวัตถุดิบสำคัญ เช่น Copper Clad Laminate และ Prepreg ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอกว่า 130 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 202,000 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขึ้นมาเป็นผู้ผลิต PCB อันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน และติดอันดับ Top 5 ของโลก โดยมีผู้ผลิตรายใหญ่จากไต้หวันที่ได้รับการส่งเสริม เช่น ZDT, Unimicron, Compeq, WUS, Gold Circuit, Unitech, Dynamic เป็นต้น กลุ่มนี้จะผลิต PCB ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้ง High-Density Interconnect PCB, Flexible PCB และ Multilayer PCB ที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ AI และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงต่างๆ โดยผู้ผลิต PCB ส่วนใหญ่ตั้งโรงงานอยู่ที่ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และโรงงานส่วนใหญ่จะเริ่มเดินสายการผลิตในปี 2568

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของโลก ผู้ผลิตจำนวนมากตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิต PCB ทั้งจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น เพราะมองเห็นจุดแข็ง ของไทยที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน นิคมอุตสาหกรรม ระบบไฟฟ้าที่เสถียร ศักยภาพด้านพลังงานสะอาด ซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง บุคลากรที่มีคุณภาพ รวมถึงมาตรการสนับสนุน จากภาครัฐ ส่งผลให้ไทยเป็นจุดหมายสำคัญของการลงทุนผลิตและส่งออก PCB ไปยังตลาดโลก

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. ภาคการผลิตญี่ปุ่นเดือนก.พ.ยังคงหดตัว วิตกนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568)

au Jibun Bank เปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาค   การผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่น ขยับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 49.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จาก 48.7 ในเดือนมกราคม นับเป็นการหดตัวน้อยที่สุดในรอบ 3 เดือน และสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 48.9 เล็กน้อย ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว โดยกิจกรรมการผลิตในโรงงานของญี่ปุ่นหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ท่ามกลางความกังวลเรื่องนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่รายงานถึงความอ่อนแอของอุปสงค์และความเชื่อมั่นในภาคการผลิตทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทต่าง ๆ มองเห็นภาวะอุปสงค์ที่ซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐฯ ยุโรป และจีน

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจพบว่า ระดับความเชื่อมั่นของผู้ผลิตญี่ปุ่นต่อแนวโน้มธุรกิจปีหน้าลดลงอย่างมากจากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เนื่องจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบาย โดยสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งบริษัทต่าง ๆ เน้นย้ำถึงความเสี่ยงจากนโยบายการค้าแบบกีดกันของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)