ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนเมษายน 2568

ข่าวในประเทศ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. . 'เอกนัฏ' ลุยยกเลิกเหล็ก 'IF' จัดการอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญให้สิ้นซาก (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 22 เมษายน 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เรื่องเหล็กตกคุณภาพที่ผลิต โดย บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (SKY) ซึ่งโรงงานได้ถูกปิดไปเมื่อเดือนธันวาคม 2567 พบข้อพิรุธหลายประเด็นในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่อง "ฝุ่นแดง" ซึ่งได้มีการขยายผลไปสู่การเพิกถอนสิทธิประโยชน์ BOI และการสืบสวนร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) โดยขอหมายศาลเข้าเก็บหลักฐาน เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ส่วนอีกประเด็นที่มีความสำคัญต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็ก คือ การทบทวนให้ยกเลิกการรับรองมาตรฐานเหล็กที่ผลิตโดยกระบวนการใช้เตาอินดักชั่น Induction Furnace (IF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดึงสิ่งสกปรกออกจากน้ำเหล็กได้ยาก รวมทั้งเป็นเตาแบบระบบเปิด สร้างมลภาวะฝุ่นและก๊าซพิษจากการผลิตเหล็กที่มากกว่า ถึงแม้ในทางทฤษฎีจะสามารถผลิตเหล็กที่มีคุณภาพได้ แต่ในกระบวนการผลิตจริง การควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอนั้นทำได้ยาก ผู้ประกอบการจะต้องใส่ใจและเข้มงวดในการใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีกระบวนการปรับปรุงควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด ทั้งนี้ ไทยได้ออกมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก.เหล็กข้ออ้อย มารับรอง IF ตั้งแต่ปี 2559 ผู้ผลิตอย่าง SKY ได้รับ มอก.ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้นโยบายชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอย นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบระงับการผลิตและจำหน่าย รวมทั้งอายัดเหล็กจากหลายบริษัทที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทั้งหมดพบว่าเป็นเหล็ก IF รวมถึงทาง SKY ด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่ผลิตเหล็กจากเตา IF ไม่สามารถควบคุมคุณภาพวัตถุดิบให้มีคุณภาพที่ดีได้ โดยปัจจุบันเทคโนโลยีที่ผลิตเหล็กด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า Electric Arc Furnace (EAF) ที่ใช้ไฟฟ้าในการหลอมเหล็ก จะสามารถดึงสิ่งสกปรกออกจากน้ำเหล็กได้ดีกว่าเตา IF และเป็นเตาแบบระบบปิด สร้างมลภาวะฝุ่นและก๊าซพิษน้อยกว่า ควบคุมคุณภาพได้ง่ายและสม่ำเสมอกว่า

อย่างไรก็ตาม สำหรับการหารือกับสมาคมผู้ผลิตเหล็กและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ทราบว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยมีกำลังการผลิตเหล็กด้วย EAF ถึง 4.3 ล้านตัน เพียงพอต่อความต้องการเหล็กเส้นในประเทศ 2.8 ล้านตัน จึงเห็นตรงกันว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะพิจารณายกเลิกเหล็กที่ผลิตแบบ IF ซึ่งตามกฎหมาย พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หากมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือระบบเศรษฐกิจ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) สามารถพิจารณาและมีมติ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม สามารถออกประกาศกระทรวงปรับแก้ไขยกเลิกการรับรองมาตรฐานเหล็ก IF ได้ โดยดำเนินการตามกรอบกฎหมายต่อไป

 

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม

 

2. รัฐผนึกกำลังเอกชน ผลักดันอุตฯ สมุนไพรไทย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 21 เมษายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2568 ขึ้น โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งภายใต้คณะอนุกรรมการฯ ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดย กองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ร่วมกับกองสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นหน่วยงานที่กำหนดจัดการประชุมดังกล่าวขึ้นสำหรับคณะอนุกรรมการฯ ที่เข้าร่วมมาจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข และกรมสรรพสามิต ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีการรายงานให้ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการยกระดับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรรายย่อยในประเทศไทย ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2568 - 2570) โดยภายใต้แผนการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2568 จะมุ่งเน้นการปูพื้นฐานและสร้างความเข้มแข็ง ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมสมุนไพร ทั้งในด้านการยกระดับมาตรฐานและการบริหารจัดการ การพัฒนาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ พัฒนากระบวนการผลิตโดยมีการยกระดับห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการทดสอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค รวมถึงสร้างโอกาสและเครือข่ายพันธมิตรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับ Supply Chain เพื่อให้เกิดขยายธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 "ดีพร้อม" มีการดำเนินงานตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับ SMEs วิสาหกิจชุมชน และผู้รับบริการให้มีความพร้อมในการยื่นขอรับรองระบบมาตรฐาน พร้อมทั้งพัฒนาผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คำแนะนำผู้ประกอบการให้สามารถเข้าสู่มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) นอกจากนี้ ทางด้านคณะอนุกรรมการฯ ยังได้ร่วมกันพิจารณาหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาแอลกอฮอล์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสมุนไพร ผ่านโครงการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเรื่องแอลกอฮอล์สำหรับอุตสาหกรรมสมุนไพร ด้วยการสนับสนุนเงินอุดหนุนสำหรับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ "ตัวทำละลายสารสกัดสมุนไพร" ซึ่งประกอบด้วย  4 กลุ่มที่สามารถทำละลายได้แตกต่างกัน คือ คลอโรฟอร์ม อีเธอร์ เฮกเซน และแอลกอฮอล์ โดยแอลกอฮอล์จะเป็นตัวทำละลายที่ได้รับความนิยมสูงสุด

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร

ประธานกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

 

3. ปั้นนิคมอารยะดันเศรษฐกิจ (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 25 เมษายน 2568)

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. และบริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่าง 3 บริษัท ได้แก่ บมจ.เฟร เซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย), บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ และบริษัท นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ลงนามความร่วมมือจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอารยะ ภายในโครงการ "อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์" บริเวณกิโลเมตรที่ 32 ถนนบางนา-ตราด อำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ มีพื้นที่ประมาณ 1,891 ไร่ รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และคาดหวังว่า นิคมฯ นี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศและเติบโตได้ตามเป้าหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ทางด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า โครงการนี้มีมูลค่า 11,350 ล้านบาท คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนโรงงานอีก 58,240 ล้านบาท จะเน้นดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหญ่ในไทยและต่างประเทศที่เป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนหลากหลายทั้ง ไต้หวัน จีน และยุโรป ซึ่งนิคมแห่งนี้ ถือว่าเป็นแปลงใหญ่สุดท้ายที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด ซึ่งในส่วนของ กนอ. จะเน้นพัฒนาที่ดินที่คาดว่าจะสามารถอนุมัติที่ดินใหม่ได้ในปีนี้ 50,000 ไร่ และเชื่อว่าการลงทุนทั้งหมดนี้จะสามารถเพิ่มจีดีพีได้ 1%

อย่างไรก็ตาม ทางด้านน.ส.กมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนเข้ามาหารือและให้ความสนใจ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขั้นสูง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ยา โลจิสติกส์ รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ คาดว่าจะตกลงการซื้อขายพื้นที่ในนิคมได้ประมาณปลายปี 2568 และโอนที่ดินได้ภายในปี 2569 ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการขออีไอเอ ต้นปีหน้าน่าจะเห็นการลงทุนที่ชัดเจนจากนักลงทุนที่ได้เจรจากันอยู่

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. IMF หั่นคาดการณ์ GDP โลกเหลือ 2.8% ปีนี้ เซ่นพิษภาษี "ทรัมป์" (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 23 เมษายน 2568)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ในวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 2.8% และ 3.0% ในปี 2568 และ 2569 ตามลำดับ จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนมกราคม ที่ระดับ 3.3% สำหรับปี 2568 และ 2569 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจที่ระดับ 2.8% และ 3.0% ในปี 2568 และ 2569 ถือว่าต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรอบ 20 ปีระหว่างปี 2543-2562    ที่ระดับ 3.7% ทั้งนี้ นับตั้งแต่การเปิดเผยรายงาน WEO ในเดือนมกราคม สหรัฐได้ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรหลายครั้ง ขณะที่ประเทศคู่ค้าประกาศมาตรการตอบโต้เช่นกัน ส่งผลให้สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ในวันที่ 2 เมษายน 2568สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ศตวรรษนอกจากนี้ IMF เตือนว่าความไม่แน่นอนของมาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบทางลบต่อแนวโน้มและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 1.8% ในปี 2568 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.7% ขณะที่ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของยูโรโซนสู่ระดับ 0.8% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 1.0% ขณะเดียวกัน IMF คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการขยายตัว 1.4% ในปี 2568 ขณะที่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่และกำลังพัฒนาจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.7%

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)