ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person sitting at a desk writing on papers

AI-generated content may be incorrect.

นายณัฐพล รังสิตพล

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. อุตสาหกรรมชง 51 โครงการ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันขับเคลื่อนศก. (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 8 กันยายน 2568)

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประชุมแนวทางการจัดทำ (ร่าง) ข้อเสนอโครงการเพื่อขับเคลื่อน การบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ (Flagship Project) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 เพื่อชี้แจงแนวทางการจัดทำโครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติโดยที่ประชุมได้พิจารณาโครงการสำคัญตามกรอบแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่ การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต การต่างประเทศ การเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล การส่งเสริมผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนการบริการประชาชนและการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งร่างข้อเสนอโครงการ Flagship Project ปี 2570 รวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 9 โครงการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จำนวน 6 โครงการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 11 โครงการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 10 โครงการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน 8 โครงการ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จำนวน 3 โครงการ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 4 โครงการ โดยทุกโครงการมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ และขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไทยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้พิจารณาและมีความเห็น ข้อเสนอแนะ ในการทบทวนโครงการสำคัญ ให้ครอบคลุมภารกิจของกระทรวง ตอบสนองปัญหาภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งบูรณาการรายละเอียด โครงการของหน่วยงานในภาพรวมของกระทรวง และขับเคลื่อนกลไกการปฏิรูประบบของหน่วยงาน เช่น การปรับกลไกระบบ มอก. การบูรณาการโครงการของ กรอ. กพร. และ สมอ. ในอุตสาหกรรมเหล็ก ยาง และแบตเตอรี่ เป็นต้น รวมถึงแหล่งที่มางบประมาณในการจัดทำโครงการสำคัญ โดยขอให้หน่วยงานปรับปรุง จัดทำ และนำส่งโครงการสำคัญในระบบ eMENSCR ตามขั้นตอนภายในระยะเวลาที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดต่อไป

 

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม)

 

2. DIPROM เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ ขับเคลื่อน Soft Power ก้าวสู่ตลาดอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 9 กันยายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) จัดกิจกรรม "การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม" ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การค้า Phenix ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มไทย ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีอัตลักษณ์ และแข่งขันได้ในตลาดปัจจุบันพร้อมเปิดพื้นที่เป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงาน ทดสอบตลาด สร้างโอกาสทางการค้า และขยายเครือข่ายธุรกิจ คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท ทั้งนี้ ดีพร้อมได้ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มใน 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1) การถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการโดยมุ่งเน้นหัวข้อสำคัญด้านวัตถุดิบท้องถิ่น การประยุกต์ใช้นวัตกรรม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและความยั่งยืน การวางกลยุทธ์ธุรกิจ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ Soft Power และการเล่าเรื่อง (Storytelling) 2) การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการรายกิจการ ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบบรรจุภัณฑ์และด้านการตลาด เพื่อเพิ่มคุณค่าและสร้างเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ 3) การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดผ่านการสร้างเนื้อหา (Content Marketing) โดยการสร้างสรรค์ผ่านสื่อให้น่าสนใจ จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ที่สามารถจดจำได้ นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือเรื่องราวของแบรนด์ ผ่านสื่อออนไลน์ ตลอดจนสื่อ Social Media ต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการส่งเสริมการบริโภค ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และ 4) การจัดงานสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเผยแพร่ผลสำเร็จของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีผู้รับบริการจากทั้งธุรกิจประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ห่อหมกปลา น้ำปลาร้า ก๋วยเตี๋ยวแห้งสูตรพริกเผา วาฟเฟิลขนมครกกรอบ น้ำสลัด 4 ภาค บิสกิตปลากระพงไข่เค็ม เมี่ยงคําบาร์ คุกกี้ไข่ผํา ซอสต้มยํากุ้งน้ำใส เป็นต้น รวมถึงธุรกิจประเภทผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เช่น เครื่องดื่มโปรตีนน้ำมะปิ๊ด น้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม ไซเดอร์กล้วยพร้อมดื่ม ลอดช่องสิงคโปร์พร้อมดื่ม น้ำผลไม้ผสมไข่ผํา น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ผสมน้ำเห็ด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผลสำเร็จของกิจกรรมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการไทยมีความพร้อมที่จะยกระดับคุณภาพและมูลค่าของผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงขยายโอกาสทางการค้าสู่ตลาดที่กว้างขวางมากขึ้น ดีพร้อมจะยังคงสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการในสาขาอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทย และผลักดัน Soft Power ให้มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน

 

A person in a suit sitting at a desk

AI-generated content may be incorrect.

นายพรยศ กลั่นกรอง

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

3. กรอ.หนุนเอสเอ็มอีใช้เครื่องจักรเข้าถึงสินเชื่อ 2.2 แสนล. (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 12 กันยายน 2568)

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ช่วงท้ายปีงบประมาณ 2568 ต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ 2569 กรอ.จะเร่งส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งเป็นโรงงานขนาดเล็กในการกำกับของ กรอ. โดยจะเดินหน้ายกระดับเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ผ่านโครงการส่งเสริมการ เปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนพลังงาน และลดมลพิษ โดยสถิติการจดทะเบียนเครื่องจักรเพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567-8 กันยายน 2568 พบว่า 1. การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร จำนวนเครื่องจักร 4,479 เครื่อง คิดเป็นมูลค่าเครื่องจักร 1.16 แสนล้านบาท และ 2. การจดทะเบียนจำนองเครื่องจักร จำนวนเครื่องจักร 749 เครื่อง วงเงินจำนอง 2.23 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จำนวนและมูลค่าการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ที่สูงแสดงให้เห็นว่าเอสเอ็มอีมีความตื่นตัวในการนำเครื่องจักรเข้าระบบเพื่อเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต ส่วนการจดทะเบียนจำนองเครื่องจักรที่สูงเช่นกัน ก็ทำให้พบว่าเอสเอ็มอีที่ กรอ.ดูแลเข้าถึงสินเชื่อได้ถึง 2.23 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปี 2569 กรอ.ได้รับการจัดสรรงบเพื่อพัฒนา "ระบบศูนย์ข้อมูลเครื่องจักรแห่งชาติเพื่อการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแปลงสินทรัพย์เป็นทุนจากเครื่องจักรได้อย่างครบวงจร จุดเด่นของโครงการ ผู้ประกอบการสามารถนำเครื่องจักรมาจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยมีศูนย์ข้อมูลเครื่องจักรครบวงจรเป็นศูนย์รวมการให้บริการยื่นคำขอออกเอกสารผ่านช่องทางอิเล็กทรอกนิกส์ และการให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร ทำให้การทำธุรกรรมหลังการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอีเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศ

 

ข่าวต่างประเทศ

A red flag with a yellow star

AI-generated content may be incorrect.

 

4. เวียดนามส่งออกพุ่ง 14.5% ในเดือนส.ค. แม้เผชิญภาษีสหรัฐฯ 20% (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 8 กันยายน 2568)

รัฐบาลเวียดนาม เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกเพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3.0596 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.9% อยู่ที่ 2.9197 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 1.399 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเดือนสิงหาคม 2568 การส่งออกของเวียดนามเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบปีก่อน แตะ 4.339 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นตัวเลขการค้าครั้งแรกหลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 20% ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.7% อยู่ที่ 3.967 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เวียดนามมียอดเกินดุลการค้าเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 3.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ เวียดนามมีมูลค่าการค้ารวมกับสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม อยู่ที่ 9.91 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การค้ากับจีนอยู่ที่ 1.179 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเวียดนามพึ่งพาวัตถุดิบและอุปกรณ์จากจีนมากในการผลิตอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายกรัฐมนตรี ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ฮานอยว่า ความตึงเครียดทางการค้าระดับโลก รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการทหาร กำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งการเติบโตของการบริโภคภายในประเทศ การส่งออก และการลงทุนภาครัฐเริ่มชะลอตัว พร้อมเตือนแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลทางเศรษฐกิจระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.6% และดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.24% ทั้งนี้ เวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ที่ 8.3-8.5% และเงินเฟ้อเป้าหมายอยู่ในช่วง 4.5-5%

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)