ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a blue suit

AI-generated content may be incorrect.

นายธนกร วังบุญคงชนะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. "ธนกร" สั่งเสริมแกร่งอุตฯ-SME ภายใน 120 วัน กสอ.รับลูกชง "ดีพร้อมเสิร์ฟ" เพิ่มมูลค่าศก. 4.6 พันล้าน (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568)

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทั้งในด้านเทคโนโลยี สภาพภูมิอากาศ และสงครามการค้า ทำให้ต้องปรับยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการที่จะเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องมีรากฐานที่แข็งแรงจากวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเปรียบเสมือนภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจที่ช่วยเสริมความต่อเนื่องของกระบวนการผลิตเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความยืดหยุ่นต่อความเปลี่ยนแปลง นับเป็นฟันเฟืองสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญของประเทศ โดยปี 2567 SME มีจำนวน 3 ล้านราย มีการจ้างงานกว่า 13 ล้านคน แต่ผู้ประกอบการยังเผชิญข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูง หรือความท้าทายจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญในการยกระดับศักยภาพของ SME ไทย เพื่อให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในบริบทเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปผ่าน ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ที่มุ่งเน้น "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว" โดยกระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม (DIPROM) ออกมาตรการ "ดีพร้อมเสิร์ฟ์" งานไว เงินไว by DIPROM โดยมาตรการเร่งด่วนนี้เป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกที่สำคัญในการเร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างเกราะป้องกัน ฟื้นความเชื่อมั่น และดันอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ เห็นผลจริงภายใน 120 วัน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดีพร้อม ขานรับนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะ SME วิสาหกิจชุมชน และสตาร์ทอัป ถือเป็นเสาหลักและระบบหมุนเวียนชีวิตเศรษฐกิจขอประเทศ จำเป็นต้องเร่งช่วยเหลือให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดย ดีพร้อม มีมาตรการเชิงรุก "ดีพร้อมเสิร์ฟ" (DIPROM Serve) : งานไว เงินไว by DIPROM เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการได้อย่างตรงจุดภายใน 120 วัน ประกอบด้วย หลัก 2 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. "เสิร์ฟงานไว" เน้นเสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการทุกระดับ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพอย่างเข้มข้น เพื่อให้นำไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน อาทิ ช่างชุมชน แปรรูปอาหาร ผลิตของใช้ในครัวเรือน และพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน ขณะเดียวกัน ยังยกระดับบุคลากรภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับเศรษฐกิจแห่งอนาคต เช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) การตลาดยุคใหม่ เป็นต้น รวมถึงพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโดรนเกษตร ธุรกิจพลังงานสะอาด ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะพัฒนาผู้ประกอบการและประชาชนไม่น้อยกว่า 60,000 รายทั่วประเทศ และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมไม่น้อยกว่า 4,600 ล้านบาท และ 2. "เสิร์ฟเงินไว" เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลที่มีความต้องการสินค้าสูงผ่าน "สินเชื่อเงินทุนหมุนไว ไฮซีซั่น" วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 200 ล้านบาท ภายใต้ โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย หรือดีพร้อมเปย์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างรวดเร็ว วงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อราย และสำหรับวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท สามารถใช้บุคคลค้ำประกันได้ ระยะเวลาผ่อนชำระ 24 งวด ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 0.5 ต่อเดือน

 

รูปภาพประกอบด้วย ใบหน้าของมนุษย์, คน, เสื้อผ้า, ชาย

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายศุภกิจ บุญศิริ

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

 

2. สศอ. ชี้ 'ฮาลาล' โอกาสทองเศรษฐกิจไทย เร่งดันส่วนแบ่งไทยขึ้นผู้นำอาเซียน (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568)

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) Special Talk | THAILAND’s NEW PROSPECT: The Global Halal Economy ในงานสัมมนา Thailand’s New Prospect ที่จัดโดย "เนชั่น กรุ๊ป" ว่า อุตสาหกรรมฮาลาลถือเป็นประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในปัจจุบัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สู่ความมั่นคง และยั่งยืน เนื่องจากอุตสาหกรรมฮาลาลมีตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีผู้บริโภคจำนวนมหาศาลทั่วโลก นับเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะสามารถผลักดันสินค้า และบริการฮาลาลให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป ทั้งนี้ สศอ. ได้ดำเนินการศึกษาทั้งระบบนิเวศ (Ecosystem) ของอุตสาหกรรมฮาลาล อย่างรอบด้านในปี 2023 พบว่า ฮาลาลไม่ได้เป็นเพียงเรื่องอาหารอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมสินค้า และบริการอื่นๆ ที่มีศักยภาพเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา, เครื่องสำอาง, เคมีภัณฑ์, เสื้อผ้า, เครื่องมือแพทย์, สมุนไพร, อาหารเสริม, อาหารสัตว์, บรรจุภัณฑ์, ตลอดจนการท่องเที่ยวและการขนส่ง ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามูลค่าตลาดโลกฮาลาลรวม (ปี 2023) มีมูลค่าสูงถึง 1.36 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเป็นสินค้าฮาลาลมีมูลค่าถึง 546,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีสินค้าหลักประกอบด้วย 1. อาหารฮาลาล มีสัดส่วนสูงที่สุดถึง 43% มูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์  2. เคมีภัณฑ์สัดส่วนสูงถึง 26% 3.ยา สัดส่วนประมาณ 11% ของมูลค่าสินค้าทั้งหมด ส่วนบริการฮาลาลมีมูลค่า 815,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับประเทศไทยมี 5 อุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการแข่งขันและมีความโดดเด่นมากในการสนองตอบต่อตลาดฮาลาล ได้แก่ 1. อาหารการพืช มีศักยภาพสูงในการแปรรูปวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล น้ำมันปาล์ม และผลไม้ต่างๆ 2. กลุ่มอาหารสัตว์ โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อสัตว์ปีก ซึ่งได้รับการยอมรับ 3. กลุ่มสมุนไพร และเวชภัณฑ์ ถือเป็นจุดแข็งของไทยเนื่องจากมีทรัพยากรวัตถุดิบ 4. กลุ่มเครื่องสำอาง และ 5. กลุ่มสิ่งของ และแฟชั่น ส่วนประเทศผู้ส่งออกหลักในตลาดฮาลาลโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน สหรัฐ อินเดีย เยอรมนี และบราซิล ส่วนประเทศผู้นำเข้า และบริโภคหลักคือกลุ่ม OIC (ประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม) นำโดยตุรกี 18% ราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์, ซาอุดีอาระเบีย, อินโดนีเซีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับผู้ประกอบการไทย

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดฮาลาลโลกจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 6–8% แต่สินค้าไทยยังเติบโตเพียง 4.2% ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง จึงจำเป็นต้องเร่งวางยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันการเติบโตไม่น้อยกว่า 10% และผลักดันไทยให้เป็น “ศูนย์กลางฮาลาลของอาเซียน” ทั้งนี้ สศอ. ได้กำหนดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลระยะ 5 ปี (พ.ศ.2567–2571) ครอบคลุมการยกระดับมาตรฐานฮาลาลให้เป็นสากล สร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และบริการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิต และโลจิสติกส์ รวมถึงการจัดตั้ง “นิคมอุตสาหกรรมฮาลาล” เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต พร้อมกันนี้ยังเตรียมส่งเสริมการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี บุคลากรเฉพาะทาง การจัดแสดงสินค้า การขยายตลาดผ่านอีคอมเมิร์ซ และการสร้างความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคีกับประเทศอาเซียน และทั่วโลก โดยฮาลาล คือ ประตูเศรษฐกิจใหม่ของไทย ที่สามารถต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศ ทั้งด้านอาหาร การท่องเที่ยว และสุขภาพ ซึ่ง สศอ. จะผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่แนวหน้าธุรกิจฮาลาลโลกอย่างยั่งยืน

 

รูปภาพประกอบด้วย คน, เสื้อผ้า, ใบหน้าของมนุษย์, สวมใส่อย่างเป็นทางการ

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม)

 

3. "ดีพร้อม" หนุนงานฝีมือยกระดับเป็นหัตถอุตสาหกรรม (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ "ดีพร้อม" (DIPROM) ยกระดับ "งานฝีมือ" ให้กลายเป็น "หัตถอุตสาหกรรม" ที่มีพลังทางเศรษฐกิจและแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ โดยการสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงวางรากฐานการส่งเสริมงานหัตถกรรมไทยมาอย่างยาวนาน เพื่อให้งานฝีมือไทยสามารถยกระดับชีวิตราษฎร และกลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จึงได้ดำเนินนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี ที่นี่มี แต่ให้" ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน เพื่อมุ่งเน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน พร้อมยกระดับศักยภาพบุคลากรและงานหัตถกรรมไทย ให้มีทักษะและองค์ความรู้ สู่การเป็นหัตถอุตสาหกรรมที่โดดเด่น โดยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ 3 H คือ Hand (ฝีมือ) Heritage (มิติทางวัฒนธรรม) และ High Value (มูลค่าสูง) ซึ่งเป็นการปฏิวัติแนวคิด ผสานงานฝีมือไทย เข้ากับดีไซน์ และนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ที่จะพาผู้ประกอบการงานหัตถกรรมไทย ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ร่วมสมัยที่โดดเด่นในตลาดระดับโลก

อย่างไรก็ตาม สำหรับ VARNI Craft จังหวัดพัทลุง เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีเรื่องราวสะท้อนภาพแห่งพลังศิลป์และศรัทธา ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง โดยมี มนัทพงค์ เซ่งฮวด เป็นดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ในปี 2555 ซึ่งมีคุณแม่วรรณี เซ่งฮวด สมาชิกศิลปาชีพหัวป่าเขียว เป็นผู้ได้รับพระราชทานทุนตั้งต้น 15,000 บาท จากพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อจัดตั้ง "กลุ่มหัตถกรรมกระจูดวรรณี" และจากกลุ่มเล็กๆ ที่มีชาวบ้านเพียง 7-8 คน ได้เติบโตเป็นกลุ่มช่างกว่า 250 คนในปัจจุบัน กลายเป็นทั้งอาชีพ และความภาคภูมิใจของคนในชุมชน

 

ข่าวต่างประเทศ

รูปภาพประกอบด้วย ธง, สีแดงเลือดนก, สีน้ำตาลแดง, สีแดง

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

 

4. จีนเผย CPI เดือนต.ค.ดีดตัวขึ้น, PPI ยังลดลงต่อเนื่องเดือนที่ 37 (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568)

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากที่ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนกันยายน โดยรายงานระบุว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน และเพิ่มขึ้นในอัตรารวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ทั้งนี้ เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ก็ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนตุลาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนกันยายน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดราคาสินค้าหน้าประตูโรงงาน ลดลง 2.1% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 37 เดือน แต่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.2% หลังจากที่ลดลง 2.3% ในเดือนกันยายน

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)