ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a blue suit

AI-generated content may be incorrect.

นายธนกร วังบุญคงชนะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. “ธนกร” สั่งการ “ดีพร้อม” เปิดศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 เป็นที่พักพิงให้ผู้ที่เดือดร้อนจากอุทกภัย (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568)

 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายจังหวัดในภาคใต้ เกิดจากเหตุการณ์ที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวันทำให้มีปริมาณฝนสะสมสูง ประกอบกับเกิดน้ำหลากเข้าท่วมชุมชนและที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งบางพื้นที่มีระดับน้ำสูงถึง 3 เมตร ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เร่งติดตามสถานการณ์และเปิดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 (ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11) เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ที่อพยพ พร้อมผนึกกำลังความช่วยเหลือจากชาวอุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยเหลือ    พี่น้องชาวไทยประสบภัยพิบัติ เร่งลำเลียงเครื่องนอน หมอน มุ้งนมพร้อมดื่ม และน้ำดื่ม ส่งตรงถึงดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือกับประชาชน พร้อมทั้งติดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมมาตรการต่างๆ รองรับสถานการณ์หลังน้ำลด

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ขานรับนโยบายเร่งด่วนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมอบหมายให้ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 จัดเตรียมพื้นที่ เพื่อเปิดอาคารเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีพื้นที่สามารถรองรับผู้อพยพชั่วคราวได้กว่า 100 คน พร้อมประสานงานร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการจัดหาและรวบรวมเครื่องอุปโภค – บริโภค สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัยผ่านถุงยังชีพของอุตสาหกรรมรวมใจ ประกอบด้วย สิ่งของเครื่องใช้จำเป็น เครื่องอุปโภค-บริโภค และยารักษาโรค นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดจัดทำมาตรช่วยเหลือ การเยียวยา และฟื้นฟูผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบผ่าน 3 แนวทางหลัก คือ เยียวยาเร่งด่วน สนับสนุนเงินทุน และฟื้นฟูธุรกิจ โดยจะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทุกมิติในพื้นที่ทั่วประเทศต่อไป

 

รูปภาพประกอบด้วย ใบหน้าของมนุษย์, คน, เสื้อผ้า, ชาย

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายศุภกิจ บุญศิริ

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

2. สศอ. ผลักดันอุตฯ การแพทย์ เพิ่มดีกรีการแข่งขันลดการนำเข้า (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568)

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. ยกระดับความสามารถของอุตสาหกรรมการแพทย์ของประเทศไทย ผ่านการสนับสนุนการพัฒนาห้องปฏิบัติการวัดและสอบเทียบเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลชั้นนำของภูมิภาค โดยเน้นเป้าหมายสำคัญ คือ การเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ในการควบคุมคุณภาพเครื่องมือแพทย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่าง สศอ. สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล และโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงพยาบาลในภูมิภาคที่สามารถพัฒนาห้องปฏิบัติการสอบเทียบที่ทดสอบเครื่อง CPAP/BiPAP ได้ตามมาตรฐาน ISO 80601-2-70 นับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จในการสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ภายในประเทศ และเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ นอกจากนี้ สศอ. ได้ขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ซึ่งมี "อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร" หนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อยกระดับขีดความสามารถของภาคการผลิตไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะช่วงที่ประชาชนเผชิญปัญหาสุขภาพจากโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลให้ความต้องการใช้เครื่องช่วยหายใจประเภท CPAP/BiPAP สูงขึ้น สศอ. มองเห็นความสำคัญของการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาและควบคุมคุณภาพเครื่องมือแพทย์ชนิดนี้ในประเทศตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้เกิดระบบดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งภายใต้แผนงานบูรณาการดังกล่าว สศอ. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ โรงพยาบาลในภูมิภาค หน่วยงานด้านการรับรองมาตรฐาน เพื่อยกระดับความปลอดภัยด้านเครื่องมือแพทย์และขับเคลื่อนการพัฒนาห้องปฏิบัติการที่มีขีดความสามารถครบวงจร

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2562 - 2567 ไทยนำเข้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์เพื่อสุขภาพทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Disposable) ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ (Durable) และน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค (Reagent and test kit) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.7 %ต่อปี และมีการส่งออกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย5% ต่อปี ซึ่งในปี 2567 มีมูลค่าการนำเข้า 97,000 ล้านบาท และมูลค่าการส่งออก 130,000 ล้านบาท โดยครุภัณฑ์ทางการแพทย์ (Durable) และน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค (Reagent and test kit) มีสัดส่วนมูลค่านำเข้าสูงกว่ามูลค่าส่งออก สศอ. จึงมีเป้าหมายพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ลดการนำเข้าครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และเพิ่มมูลค่าการผลิตภายในประเทศต่อไป

 

รูปภาพประกอบด้วย ใบหน้าของมนุษย์, คน, สูท, ในร่ม

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ

ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

 

3. กนอ.ผนึก ไทยซับคอน จัด Business Matching ดัน SMEs สู่ห่วงโซ่อุปทานโลก (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568)

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยในระหว่างการเป็นประธานในพิธีในการเปิดกิจกรรม "การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ (Business Matching)" ว่า กนอ.ดำเนินการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี(นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ที่ประกาศวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อน "เศรษฐกิจมูลค่าสูง" และสร้าง "ห่วงโซ่อุตสาหกรรมภายในประเทศ" เพื่อให้ไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาค มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกด้วยการแก้ไขเรื่องเร่งด่วน การจัดระเบียบอุตสาหกรรม เน้นดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่การแข่งขันเชิงธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ กนอ.มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรม สู่การเป็น "พื้นที่เศรษฐกิจคุณภาพสูง" เป็นศูนย์กลางการผลิตและการลงทุนที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่เกื้อกูลกันระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงสนับสนุนกลุ่ม SMEs ให้มีโอกาสทางการค้า โดยกิจกรรมในวันนี้ได้รับความร่วมมือจาก สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (Thai Subcon) เพื่อร่วมกันเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของไทยให้แข็งแกร่งและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนขณะที่ในช่วงบ่ายได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ระหว่าง กนอ. และ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (Thai Subcon) เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย

อย่างไรก็ตาม สำหรับกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching)ในนิคมอุตสาหกรรม ครั้งนี้ จัดขึ้น ณ ห้องประชุม Grand Ballroom โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพมหานคร มีตัวแทนบริษัทผู้ซื้อชั้นนำ (Buyers) ภายในนิคมอุตสาหกรรม เข้าร่วมนำเสนอนโยบายการจัดซื้อและเจรจาธุรกิจ และมีผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม เข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง, นิคมอุตสาหกรรมแพรกษา และนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง โดยมีผู้ประกอบการผู้ผลิตชิ้นส่วน (Sellers) เข้าร่วมงานกว่า 106 ราย รวมผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 250 ราย ซึ่งคาดว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ สร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยได้อย่างยั่งยืน

 

ข่าวต่างประเทศ

รูปภาพประกอบด้วย กราฟิก, การออกแบบกราฟิก, เครื่องหมาย, ขาว

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

 

4. เกาหลีใต้เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดฮวบในเดือนต.ค. ขณะยอดค้าปลีกฟื้นตั(ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568)

กระทรวงข้อมูลและสถิติของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ปรับตัวลง 2.5% ในเดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการชะลอตัวของผลผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งนี้ การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในเดือนตุลาคม 2568 ร่วงลง 26.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2525 ส่วนผลผลิตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ปรับตัวลง 4% ส่วนยอดค้าปลีกซึ่งเป็นตัวชี้วัดการใช้จ่ายของภาคเอกชน ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน นอกจากนี้ รายงานของกระทรวงยังระบุว่า การลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกของเกาหลีใต้ลดลง 14.1% ในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์การลงทุนที่ย่ำแย่ลง หลังจากการลงทุนในภาคส่วนดังกล่าวพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในเดือนกันยายน โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการชะลอตัวของการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านการขนส่ง

อย่างไรก็ตาม ทางด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568 สู่ระดับ 1% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 0.9% เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภค และการส่งออกที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน BOK ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจใน 2569 ขึ้นเป็น 1.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ที่ 1.6% พร้อมกับคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2570 จะขยายตัว 1.9%

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)