ข่าวในประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. 'ธนกร' นำผู้บริหารกระทรวงอุตฯ ลงพื้นที่หาดใหญ่ วางแพ็กเกจช่วยเหลือ SME-ประชาชน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2568)
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้นำผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อวางแพ็กเกจช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ และเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมอบถุงยังชีพ 1,000 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน ทั้งอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นอีกด้วย ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 รองรับผู้ประสบภัยได้ 100 คน พร้อมบริการซ่อมรถ-เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง-ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า "ฟรี" โดยความร่วมมือของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา สถาบันยานยนต์ และวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังนำสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน อาทิ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สว่านไร้สาย เครื่องเป่าลม น้ำมันหล่อลื่น เครื่องเป่าลมร้อน และอุปกรณ์ช่างอื่นๆ มอบให้วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย จากนั้นในช่วงบ่าย นายธนกรลงพื้นที่บริษัทสงขลามารีน โปรดักส์ เพื่อรับฟังผลกระทบจากน้ำท่วมและเร่งจัดทำแผนฟื้นฟูกำลังผลิต รวมถึงดูแลพนักงาน โดยนายธนกรย้ำว่า กระทรวงฯ จะดึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการลงสู่พื้นที่ทันที ด้วยการเดินหน้าแพ็กเกจ "พักหนี้-เติมสภาพคล่อง" ผ่านกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ครอบคลุมการพักชำระเงินต้น-ดอกเบี้ยสูงสุด 4 เดือน ลดค่างวด ขยายเวลาชำระไม่เกิน 2 ปี และสินเชื่อ "เงินง่าย ฟื้นได้ ช่วยภัยพิบัติ" วงเงิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน เพื่อช่วยประคองกิจการให้กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ และรักษาการจ้างงานของ SME ในภาคใต้ให้ได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังเดินทางไปตรวจเยี่ยม SME D Bank สาขาลพบุรีราเมศวร์ เพื่อกำชับให้เร่งเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ SME D Bank ออกมาตรการฉุกเฉินช่วย SME ภาคใต้ทันที ทั้งการพักชำระเงินต้น-ดอกเบี้ยสูงสุด 12 เดือน เติมทุนฉุกเฉิน 200,000 บาท เพื่อซ่อมร้านและเครื่องจักร รวมถึงสินเชื่อฟื้นกิจการดอกเบี้ย 3% คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนชำระ 10 ปี ปลอดเงินต้น 12 เดือน วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ธุรกิจกลับมาเดินได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระต้นทุน และรักษาการจ้างงานในพื้นที่ไม่ให้หยุดชะงัก ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมห่วงใยทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ เพราะอุทกภัยครั้งนี้กระทบทั้งชีวิตและกิจการ เราจึงเดินหน้ามาตรการพักหนี้-เติมทุน-ฟื้นสภาพคล่อง ผ่าน DIPROM และ SME D Bank เพื่อให้ทั้งคนและธุรกิจกลับมายืนได้พร้อมกัน และให้เศรษฐกิจพื้นที่ฟื้นตัวให้เร็วที่สุด
ดร.ณัฐพล รังสิตพล
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
2. ปลัดฯ ณัฐพล โชว์ความสำเร็จ "ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล" ครั้งแรกของไทย ปลดล็อกเศรษฐกิจหมุนเวียนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2568)
ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการ Innovation in Raw Materials Conference 2025 หัวข้อ "Unlocking Circular Economy Pathway ปลดล็อก เส้นทางสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน" จัดโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล จังหวัดสมุทรปราการ โดยไฮไลต์สำคัญ คือ การเปิดตัว "ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล" ที่พัฒนาสำเร็จเป็นครั้งแรกของไทย พร้อมผลักดันนวัตกรรมวัตถุดิบสู่เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คือกุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืน สอดรับกับนโยบาย MIND ของกระทรวงฯ ที่มุ่งให้ภาคอุตสาหกรรมอยู่คู่ชุมชนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จในการพัฒนา "ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล" ของ กพร. ในปีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับให้ กพร. เป็น "ศูนย์การ เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า" รองรับปริมาณแบตเตอรี่ใช้แล้วที่จะพุ่งสูงจากหลักพันตันเป็นหลักหมื่นตันในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม S-Curve และนำไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่านวัตกรรมนี้สามารถสกัดโลหะจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเสื่อมสภาพ กลับมาเป็นสารตั้งต้นผลิตแบตเตอรี่ใหม่ (NMC 622) สำหรับรถ EV ขนาดเล็กและอุปกรณ์กักเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าหากนำไปประยุกต์ใช้กับซากแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน (ราว 120 ตันต่อปี) จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้กว่า 27 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ กพร. ยังมีความสำเร็จด้านนวัตกรรมอื่นๆ ในปีนี้ อาทิ การผลิตวัสดุดูดซับก๊าซจากหินพอตเทอรี, การพัฒนา MOFs ดักจับคาร์บอน และการรีเมนูแฟกเจอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า โดยภาพรวมผลการดำเนินงานตลอดปี สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ถึง 1,100 ล้านบาท และลดการปล่อยคาร์บอนได้กว่า 14,000 ตันคาร์บอนได- ออกไซด์เทียบเท่า
นายศุภกิจ บุญศิริ
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
3. สศอ. ห่วงวัฏจักรขาลง อุตสาหกรรมไทย (ที่มา: มิติหุ้น, ประจำวันที่ 1ธันวาคม 2568)
นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่กระทบต่อภาคอุตสหกรรม มีทั้งความไม่แน่นอน ของนโยบายด้านเศรษฐกิจ และมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อ และสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ที่ส่งผลต่อภาคการผลิต ทำให้ส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการ เครื่องจักรและอุปกรณ์ แรงงาน การขนส่ง ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม โดยปัจจัยภายในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลง และมีภาวะต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะด้านการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวสูงจากเดือนก่อน รวมถึงความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่หดตัวในภาคการผลิต ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีสัญญาณเฝ้าระวังลดลงจากเดือนก่อนตามการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) 10 เดือนแรก ปี 2568 หดตัว 0.8% สศอ. จึงปรับประมาณการปี 2568 คาดว่าดัชนี MPI หดตัว 0.75% และการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 0.5% ส่วนประมาณการในปี 2569 คาดว่าดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัวได้ที่ 1 – 2% หลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ข่าวต่างประเทศ
4. PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่นเดือนพ.ย.หดตัวช้าลง แม้ยอดสั่งซื้อซึมยาว 2 ปีครึ่ง (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568)
S&P Global เปิดเผยผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่า ดัชนีปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 48.7 จากระดับ 48.2 ในเดือนตุลาคม ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นที่ 48.8 แม้ดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50.0 จะบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แต่ถือเป็นอัตราการหดตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดรายกลุ่มพบว่า สินค้าขั้นกลางและสินค้าเพื่อการลงทุนยังคงอยู่ในภาวะซบเซา มีเพียงสินค้าอุปโภคบริโภค ที่กระเตื้องขึ้นเล็กน้อย ปัญหาหลักยังคงอยู่ที่ยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปีครึ่ง โดยผู้ประกอบการระบุว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ลูกค้าลดงบประมาณ และการลงทุนภาคเอกชนลดลง โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ที่อ่อนตัวลงอย่างชัดเจน นอกจากปัญหาด้านยอดขาย ผู้ผลิตยังเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นในอัตราเร่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทั้งจากค่าแรงและราคาวัตถุดิบ ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อประคองธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเริ่มมีความหวังมากขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ปัจจัยบวกมาจากการเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่และการคาดการณ์ว่าตลาดจะฟื้นตัว โดยเฉพาะในหมู่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการขนส่ง ทั้งนี้ ทางด้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ก็ได้เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน โดยคณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติมาตรการวงเงิน 21.3 ล้านล้านเยน เพื่อเร่งเครื่องการเติบโตของประเทศ
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)