ข่าวประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567

ข่าวในประเทศ

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. เคาะแล้ว ครม.เห็นชอบราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 65/66 ที่ 1,197.53 บาท/ตัน (ที่มา: สยามรัฐ, ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567)

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 เห็นชอบราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ปี 2565/66 ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ ในอัตราที่ 1,197.53 บาท/ตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. กำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ 71.85 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 513.23 บาท/ตัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งเพิ่มขึ้น 117.53 บาท/ตัน จากราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2565/66 ที่ราคา 1,080 บาท/ตัน ซึ่งการที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีรายได้ เพิ่มขึ้นจะสามารถเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติเห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้น ปี 2566/67 ในอัตรา 1,420 บาท/ตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. กำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 85.20 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 608.57 บาท/ตัน เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับค่าอ้อยสำหรับนำไปใช้เป็นเงินทุนในการเพาะปลูก การบำรุงรักษาอ้อย และการดำรงชีพต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ปี 2565/66 และราคาอ้อยขั้นต้น ปี 2566/67 สอน. จะดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ถือว่าไม่ขัดกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ สอน. ได้ติดตามสถานการณ์ผลผลิตอ้อยเข้าหีบและเฝ้าระวังการ เผาอ้อย ฤดูการผลิตปี 2566/67 นับตั้งแต่วันเปิดหีบ (10 ธันวาคม 2566) ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระยะเวลา 72 วัน มีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 68.41 ล้านตัน แบ่งเป็นปริมาณอ้อยสด 48.86 ล้านตัน ปริมาณอ้อยถูกลักลอบเผา 19.55 ล้านตัน และมีจุดความร้อน (Hotspot) สะสมในพื้นที่ปลูกอ้อย 47 จังหวัด จำนวน 2,159 จุด หรือคิดเป็น 6.45% จากจุดความร้อน (Hotspot) สะสมที่ พบในประเทศ 33,448 จุด จะเห็นได้ ว่ามีจุดความร้อน (Hotspot) สะสม นอกพื้นที่ปลูกอ้อยสูงถึง 31,289 จุด หรือคิดเป็น 93.55% จากจุดความร้อน (Hotspot) สะสมที่พบในประเทศ

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

 

2. เคาะมาตรการหนุนรถ EV รถบรรทุกไฟฟ้าหักภาษีได้ 2 เท่า (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567)

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดอีวี ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้งรถโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) และรถบรรทุกไฟฟ้า (E-Truck) โดยมาตรการดังกล่าวจะอนุญาตให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้งาน โดยไม่กำหนดเพดานราคาขั้นสูง ในกรณีซื้อรถที่ผลิต/ประกอบในประเทศ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า และในกรณีนำเข้ารถสำเร็จรูปจากต่างประเทศ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า โดยมาตรการนี้ จะมีผลใช้บังคับจนถึงสิ้นปี 2568 และที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากร พิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยเร่งให้เกิดการปรับเปลี่ยนรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขนาดใหญ่ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน นอกจากนี้ บอร์ดอีวี ยังได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ซึ่งเป็นการผลิตต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยี   ขั้นสูงเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยผู้ลงทุนจะสามารถขอรับสิทธิประโยชน์และเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ ภายใต้บีโอไอ โดยมีเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับผู้ลงทุน ดังนี้ 1. ต้องเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำที่มีการใช้งานโดยผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 2. ต้องมีแผนการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยสามารถผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ด้วยได้ 3. ต้องผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่มีค่าพลังงานจำเพาะ ไม่น้อยกว่า 150 Wh/Kg และ 4. ต้องมีจำนวนรอบการอัดประจุ (Life Cycle) ไม่น้อยกว่า 1,000 รอบ โดยกำหนดเวลายื่นข้อเสนอโครงการลงทุนภายในปี 2570 ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ จะพิจารณากำหนดรายละเอียดของหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติต่อไป

อย่างไรก็ตาม บอร์ดอีวี ยังได้เห็นชอบให้ปรับปรุงมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 เช่น ขยายขอบเขตของรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิให้ครอบคลุมรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และเพิ่มคุณสมบัติของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า กรณีที่มีขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 3 kWh แต่มีระยะทางวิ่งมากกว่า 75 กิโลเมตรต่อรอบการชาร์จ รวมทั้งมีมาตรฐานความปลอดภัย สามารถเข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการมากขึ้น ที่ผ่านมา มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐสามารถกระตุ้นตลาดอีวีในประเทศให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ อีวีที่สูงถึงกว่า 76,000 คัน ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 6.5 เท่าจากปีก่อน นำมาสู่การลงทุนในอุตสาหกรรมอีวีแบบครบวงจร

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. อานิสงส์ 'อี-รีซีท' หนุนดัชนีเชื่อมั่น (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567)

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ระดับ 90.6 เพิ่มขึ้นจาก 88.8 ในเดือนธันวาคม 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศสะท้อนจากคำสั่งซื้อและยอดขายสินค้าที่เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อรองรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ อานิสงส์มาตรการลดหย่อนภาษีจากการช็อปปิ้ง (Easy E-receipt) ในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2567 ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยววีซ่า-ฟรี ส่งผลให้ในช่วงเดือนมกราคม 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยกว่า 2,743,147 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.8% การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ในตลาดโลก และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ ตะวันออกกลาง และอินเดีย ส่งผลให้ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.4 เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้คาดอยู่ที่ระดับ 96.2

อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยลบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น ผู้นำเข้าและส่งออกยังต้องเผชิญกับต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทั้งจากอัตราค่าระวางเรือ ค่าธรรมเนียมและค่าประกันต่างๆ จากปัญหาการโจมตีเรือขนส่งสินค้าบริเวณคลองสุเอซและทะเลแดง ส.อ.ท.จึงมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐให้เร่งหารือกับสายเรือเพื่อเพิ่มจำนวนเรือขนส่งสินค้า และตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาในประเทศ ป้องกันปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าและเรือ พร้อมขอให้ชี้แจงรายละเอียดในส่วนของค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นให้ชัดเจน และเร่งพิจารณาอนุมัติงบประมาณปี 2567 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ข่าวต่างประเทศ

A flag with a red circle and black stripes

Description automatically generated

 

4. แบงก์ชาติเกาหลีใต้คงดอกเบี้ย 9 ครั้งติด ท่ามกลางปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน-เงินเฟ้อ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567)

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันครั้งที่ 9 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวลงช้ากว่าที่คาดการณ์และหนี้ภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 7 ครั้งตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ถึงเดือนมกราคม 2566 โดยการตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้มีขึ้นหลังภาคการส่งออกของเกาหลีใต้ส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงอ่อนแอท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งเกาหลีใต้เผชิญแรงกดดันเงินเฟ้อระดับสูงอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา หลังเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษเมื่อปี 2565

อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อของเกาหลีใต้ลดลงสู่ต่ำกว่า 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งส่งสัญญาณว่าแรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มลดลง แต่เงินเฟ้อยังมีสิทธิ์กลับมาพุ่งทะลุ 3% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นและยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้กำหนดไว้ที่ 2% ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางเกาหลีใต้จับตาหนี้สินภาคครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจบั่นทอนอุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มเติม โดยการปล่อยสินเชื่อภาคครัวเรือนของธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ในเดือนมกราคม ซึ่งนำโดยการปล่อยสินเชื่อบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)