ข่าวประจำวันที่ 12 มีนาคม 2567

ข่าวในประเทศ

 

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

1.รัฐเอื้อติดโซลาร์รูฟ ส่องหุ้นรับอานิสงส์ (ที่มา: ทันหุ้น, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2567)

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปให้เข้าถึงพลังงานทางเลือก เพื่อประหยัดต้นทุนในระยะกลาง-ยาว ด้วยการติดตั้งแผงผลิตพลังงานไฟฟ้าบนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟ (Solar Rooftop) ที่มีกำลังผลิตเกินกว่า 1,000 กิโลวัตต์ หรือ 1 เมกะวัตต์ ได้ง่ายมากขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเร่งแก้ไขกฎหมาย ปลดล็อกให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าบนหลังคาดังกล่าว ไม่เข้าข่ายโรงงานที่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอีกต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (Public Hearing) คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม 2567 นี้ จากนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะรวบรวม และทำสรุปความคิดเห็นต่างๆ เสนอมายังสำนักเลขาธิการรัฐมนตรี เพื่อเตรียมนำบรรจุเข้าในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ภายในไตรมาส 4/2567 นี้ ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการที่ไม่มีทุน สามารถนำโครงการไปขอสินเชื่อสำหรับติดตั้ง Solar Rooftop จากสถาบันทางการเงิน เช่น SME D Bank ได้อีกด้วย โดยต้องเป็นการติดตั้งเพื่อใช้ภายในโรงงานไม่สามารถจำหน่ายได้

อย่างไรก็ตาม ด้านนายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการ SME D Bank กล่าวว่า SME D Bank พร้อมขานรับดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการ "เติมทุนคู่พัฒนา" ช่วยเอสเอ็มอีเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยด้าน "การเงิน" จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม SME วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท โดยมอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนานพิเศษสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน อีกทั้ง ใช้กลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ขณะเดียวกัน พิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง

 

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 

2. ส.อ.ท.ดันรัฐตรึงดีเซล-LPGดูแล ปชช.มุ่งใช้กลไกภาษีฯ-ค่าการตลาดลดพึ่งกองทุนน้ำมันฯอย่างเดียว (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2567)

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศให้อยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร(ไม่เกิน 30 บ./ลิตร)เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567 และขยายเวลาตรึงราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ครัวเรือนอยู่ที่423 บาท/ถัง 15กิโลกรัม(กก.)สิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค. นี้เช่นกันเรื่องนี้มองว่ารัฐบาลควรจะตรึงราคาทั้งดีเซลและLPG ต่อไปเนื่องจากขณะนี้ภาวะค่าครองชีพของประชาชนในช่วงนี้ยังเป็นปัญหาสำคัญพิจารณาได้จากหนี้ครัวเรือน ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ที่สูงถึง 91% ซึ่งยังไม่รวมหนี้นอกระบบอีก 20% ทั้งนี้ การช่วยเหลือในการอุดหนุนดีเซลนั้นรัฐควรใช้เครื่องมืออื่นนอกเหนือจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบ้น ณ วันที่ 10 มี.ค. 67 มีฐานะสุทธิติดลบถึง 94,883 ล้านบาท ดังนั้นรัฐควรจะมองในเรื่องกลไกของภาษีสรรพสามิตดีเซลที่เพิ่มขึ้นในการมาดูแลอย่างเหมาะสม รวมไปถึงค่าการตลาดซึ่งต้องดูต้นทุนของโรงกลั่นและผู้ค้าน้ำมันอย่างละเอียดและจริงจังเพื่อลดการพึ่งพากองทุนน้ำมันฯเป็นหลัก เช่นเดียวกับ LPG ที่ควรมองโครงสร้างราคาทั้งระบบเพราะเบื้องต้นทราบว่าอุดหนุนทั้งอุตสาหกรรม ครัวเรือน และปิโตรเคมี เพราะหนี้กองทุนน้ำมันฯเงินเหล่านี้สุดท้ายประชาชนก็ต้องย้อนกลับมาจ่ายคืนไม่ใช่ภาครัฐจ่ายเพื่อเก็บเข้าเงินกองทุนน้ำมันฯในช่วงที่ตลาดน้ำมันโลกลดซึ่งก็จะยังทำให้ระดับราคาน้ำมันของไทยยังคงทรงตัวสูงต่อไปอีกระยะจนกว่าจะเก็บเงินคืนกองทุนฯเพื่อคืนหนี้“นายอิศเรศกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ของไทยต้นเหตุที่มีราคาแพงเนื่องจากมีการพึ่งก๊าซธรรมชาติ(NG)ที่ มากเกินไป มายาวนาน โครงสร้างต้นทุนรวม ของ NG ขาดการกำกับที่ดี และ ไม่เป็นตลาดเสรี มายาวนาน ซ้ำร้ายยังขาดการจัดการที่ดีช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผู้รับสัมปทานหลุมเอราวัณ ขาดการทำสัญญาระยะยาว (Long Term Contract)การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ทั้งๆที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเคยนำเสนอราคาต่ำจาก มาเลเซีย จนเกิดวิกฤติรัฐเซีย ยูเครน ราคา LNG จึงพุ่งสูง นอกจากนี้ ค่า Ft ข้อเสนอระยะสั้น 1. ภาครัฐ ต้องเร่งส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนการนำเข้าพลังงานพลังงานฟอสซิลให้มากที่สุดพร้อมส่งเสริมเทคโนโลยี Energy Storage System (ESS) 2. ปริมาณไฟฟ้าที่เกินระบบหรือ over Demand ประมาณ 50 %จึงมีต้นทุนจากการที่ไม่ได้เดินโรงไฟฟ้า เช่น ค่าพร้อมจ่าย(AP) แฝงใน ค่าFt : ปรับสัญญาเดิมให้รัดกุมขึ้น , เพิ่มดีมานด์การใช้ เช่น EV Truck EV Bus ,รวมทั้งการขายไฟฟ้าส่วนเกินให้ประเทศเพื่อนบ้าน 3. กลไกการบริหารทั้งนโยบาย(Policy) การกำกับ และการดำเนินงานหรือ Operators บางส่วน ยังขาดประสิทธิภาพและ ความเป็นมืออาชีพ ที่สำคัญ ควรการตัดสินใจใดๆ ควรยึดผลประโยชน์ ของประเทศ เป็นที่ตั้งรวมทั้ง สรรหาคนเก่งและคนดีมืออาชีพเข้ามาบริหาร หรือ เป็นทีม ที่ปรึกษา ในทุกระดับ 4. ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน อย่างจริงจัง (Energy Efficiency)

 

นายธนิต โสรัตน์

รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย

 

3. ค่าแรงขั้นต่ำรอบ 2 เม.ย.สูตรขยับอีก 1.5% ถก 26 มี.ค.เคาะขึ้นรายเขต-กิจการ (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2567)

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า วันที่ 26 มีนาคม 2567 คณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ซึ่งได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุดเพื่อมาพิจารณาจัดทำสูตรในการคำนวณใหม่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงสำรวจข้อมูลที่จะมาประกอบสูตรใหม่ที่เหมาะสมเพื่อประกาศขึ้นค่าแรงในปี 2567 รอบที่ 2 ที่กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายที่จะประกาศให้ทันในเดือน เม.ย.นี้ โดยเบื้องต้นจากการประชุมเมื่อ 27 ก.พ.นี้ได้ข้อยุติในเรื่องของการคำนวณสูตรออกมาเบื้องต้นคือค่าแรงจะเป็นสูตรที่เพิ่มขึ้นอีก 1.5% จากการปรับขึ้นค่าแรงเมื่อ 1 ม.ค. 67 เฉลี่ยที่ขึ้น 2-16 บาท/วันหรือรวมขึ้นเฉลี่ย 2.37% ทั้งนี้ การประชุมที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุปถึงแนวทางที่กระทรวงแรงงานต้องการให้มีการปรับขึ้นเป็นรายเขตเทศบาล เช่น กทม. เช่น เขตปทุมวัน สงขลาก็เขตเทศบาลหาดใหญ่ ฯลฯ แต่ปัญหาคือ GDP รายเขต เทศบาลไม่มี ซึ่งอาจจะใช้สูตรผลิตภัณฑ์จังหวัด (GPP) ขณะเดียวกันจะกำหนดประเภทกิจการที่จะพิจารณาในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ประเด็นดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้นจึงจะมาสรุปในวันที่ 26 มี.ค.นี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การทบทวนค่าแรงดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยที่ได้ตั้งเป้าหมายให้เห็นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน แต่ภาพรวม 1 ม.ค. 67 ขึ้นได้เพียง 2-16 บาท/วัน มีเพียง จ.ภูเก็ตที่ได้ 370 บาท/วัน จึงสั่งให้ทบทวน อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นรอบ 2 ในเดือน เม.ย.นี้แม้ว่าจะดูไม่มากเข้าใจว่ารัฐบาลต้องการสร้างกำลังซื้อให้คนไทยที่อยู่ในภาวะค่าครองชีพสูงแต่เป็นการควักเงินของผู้ประกอบการ แต่เมื่อหันมามองผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) กำลังลำบากทั้งต้นทุนดอกเบี้ยที่สูง แรงซื้อประชาชนต่ำ แถมโดนสินค้าจีนทะลักเข้ามา ทำให้เอสเอ็มอีกำลังจะล้มกันจำนวนมาก รัฐเองควรจะมองในแง่มุมนี้ด้วย

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันไปสหรัฐพุ่งกระฉูด 770% เมื่อปี 2566  (ที่มา: เว็บไซต์เดลินิวส์, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2567)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567ว่าสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมเวเนซุเอลา-อเมริกัน รายงาน มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐกับเวเนซุเอลา มีมูลค่ามากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 213,141 ล้านบาท ) เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 127% เมื่อเทียบกับสถิติของปี 2565 ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเมื่อปี 2566 ยังคงน้อยกว่าสถิติของปี 2551 ที่เคยสูงถึง 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.34 ล้านล้านบาท )

อย่างไรก็ดี สินค้าส่วนใหญ่ที่เวเนซุเอลาส่งออกไปยังสหรัฐแทบทั้งหมด ยังคงเป็นน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 90.85% โดยหากวิเคราะห์เฉพาะการส่งออกน้ำมัน ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 770% เฉพาะเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐของเวเนซุเอลา เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าอยู่ที่ราว 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 88,808.75 ล้านบาท )อนึ่ง เวเนซุเอลาเตรียมจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ ในวันที่ 28 ก.ค. นี้ ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด โดยมีการกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรบางส่วนต่อเวเซุเอลา เนื่องจากมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะยังคงมี “ความไม่โปร่งใส” เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ที่อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ปี 2556 ได้รับชัยชนะต่อไปอีก

 

 

 

 

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)