ข่าวประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2567

ข่าวในประเทศ

A person in a suit leaning on a railing

Description automatically generated
นายเศรษฐา

ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

 

1. 'นายกฯ' เปิดงานผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยสู่ตลาดโลก (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2567)

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ "SUBCON Thailand 2024" ครั้งที่ 18 ถือเป็นเวทีแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตของไทย ที่มีความพร้อมในการเป็นฐานผลิตของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของโลก ตามวิสัยทัศน์ "IGNITE Thailand" ของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้าหมายพัฒนาประเทศให้ก้าวไปเป็นที่หนึ่งของภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ บีโอไอได้มีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นเป็นฐานผลิตอันดับ 1 ในอาเซียน ท่ามกลางความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบในหลายประเทศ แต่ด้วยจุดยืนทางการเมืองของไทย   ที่มีความเป็นกลาง รวมถึงสนับสนุนความสงบในทุกภูมิภาค ส่งผลในเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมการผลิตของไทยอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า งาน SUBCON THAILAND จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์ไบเทค กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 46,000 คน จากบริษัทผู้ซื้อชั้นนำกว่า 500 บริษัททั้งในและต่างประเทศ และคาดว่าจะก่อให้เกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 9,000 คู่ เกิดมูลค่าเชื่อมโยงอุตสาหกรรมกว่า 22,000 ล้านบาท โดยงานนี้จะเชิญผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ 7 รายที่มีการลงทุน ในไทย ได้แก่ BYD, MG, Great Wall Motor, Neta, Changan, GAC Aion และ Chery มาร่วมนำเสนอทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แผนส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนและการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกต่อไป

 

A person in a suit sitting at a table

Description automatically generated

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

2กังวลหนักต้นทุนพุ่งดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ร่วง (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2567)

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2567 อยู่ที่ระดับ 90.3 ปรับตัวลดลงจาก 92.4 ในเดือนมีนาคม 2567 โดยเป็นการปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งยอดขายโดยรวม คำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ ทั้งนี้ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ อาทิ สินค้ายานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs มีความกังวลต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนการผลิต ขณะที่การสิ้นสุดมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐ ส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานและ ค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันปัญหาภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตรและทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยและอาเซียน ด้านการส่งออกชะลอลงตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้าที่ลดลงจากปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงปัญหาความไม่สงบในประเทศเมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน และจากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,268 ราย ครอบคลุม 46 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนเมษายน 2567 พบว่าปัจจัยที่ ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก 79.4% ราคาน้ำมัน 56.6 % เศรษฐกิจในประเทศ 56.4% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 40.2% อัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.3 ปรับตัวลดลง จาก 100.8 ในเดือนมีนาคม 2567 โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตร และทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภค-บริโภค รวมถึงในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันการเข้าสู่ช่วง Low Season ของภาคการท่องเที่ยวทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง นอกจากนี้ ปัญหาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์จากความขัดแย้งในตะวันออกกลางรวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน กดดันเศรษฐกิจโลกและภาคการส่งออก

 

A person in a suit sitting at a desk

Description automatically generated

นายธนวรรธน์ พลวิชัย

ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

3. ความเชื่อมั่นบริโภค-อุตฯ กอดคอร่วง (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 16พฤษภาคม 2567)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนเมษายน 2567 อยู่ที่ 62.1 ลดลงจากเดือนก่อน 63.0 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน แม้จะเป็นเดือนที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าปกติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ก็ไม่สามารถกระตุกเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ เพราะมีปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจากกรณีรัฐบาลเลิกตรึงราคาดีเซล ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเร่งลงทุนอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป คาดว่าทั้งปีนี้จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบราว 1 แสนล้านบาท และหากเร่งเรื่องเบิกเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้ เชื่อว่าจะผลักให้จีดีพีปีนี้โตได้ถึง 3% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2.6% ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทนั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยให้จีดีพีโต แต่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้น อยากให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการจะผลักภาระมายังประชาชน ด้วยการขึ้นราคาสินค้า 10-15% และต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนหรืออ่อนค่ามากเกินกว่า 37 บาท/เหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2567 อยู่ที่ระดับ 90.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 92.4 เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ ประชาชนระมัดระวังใช้จ่าย ผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีกังวลการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ ซึ่งจะกระทบต้นทุนการผลิต ดังนั้น ส.อ.ท.เสนอให้ภาครัฐชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำออกไปก่อน เพราะเอสเอ็มอีกว่า 3.18 ล้านราย ยังไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต้องเป็นไปตามกลไกของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) พิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัด

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white cloth

Description automatically generated

 

4. GDP ญี่ปุ่นหดตัว 2% ใน Q1/67 หลังการบริโภค-ดีมานด์ต่างประเทศชะลอตัว (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2567)

สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยการประมาณการเบื้องต้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง 2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะหดตัวลงเพียง 1.5% ทั้งนี้ เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.5% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะหดตัว 0.4% โดยการอุปโภคบริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้น ลดลง 0.7% ในไตรมาส 1 ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอาจลดลง 0.2% โดยการอุปโภคบริโภคปรับตัวลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ทางด้านการใช้จ่ายประเภททุน ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนอุปสงค์ในภาคเอกชนนั้น ปรับตัวลง 0.8% ในไตรมาส 1 เมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.7% แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทเอกชนปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

อย่างไรก็ตาม BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 แต่ตลาดคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะชะลอการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)