ข่าวประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567

ข่าวในประเทศ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

 

1. DITP และ GIT เตรียมจัด "บางกอกเจมส์" ครั้งที่ 70 สุดอลังการ ตอกย้ำจุดเด่นไทยในฐานะศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลก (ที่มา: สยามรัฐ, ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567)

 

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงงานบางกอกเจมส์และความสำคัญต่ออุตสาหกรรมว่า อัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก แม้ว่าทั่วโลกจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากความท้าทายต่างๆ แต่การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ในปี 2566 กลับขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.61 มูลค่ากว่า 8,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีมูลค่า 4,556 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 8.48 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยบางกอกเจมส์ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก ทังนี้ งานบางกอกเจมส์ เป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย และยิ่งใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 4 ของโลก ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้ค้าจากทั่วโลก ต้องเดินทางมาเจรจาและสั่งซื้อสินค้าในงาน โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมางาน Bangkok Gems มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นจำนวน Exhibitor ที่เพิ่มขึ้นถึง +34% จำนวนคูหา +17% จำนวน Visitor +40% มูลค่าการค้า +102% รวมถึงมีความหลากหลายของประเทศที่มาร่วมงาน และคาดว่างานบางกอกเจมส์ครั้งที่ 70 นี้จะได้รับผลตอบรับจากผู้ซื้อทั่วโลกมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าได้ไม่ต่ำกว่า 3.5 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) ผู้ร่วมจัดงานบางกอกเจมส์ กล่าวว่า จากการประเมินผลการจัดงานบางกอกเจมส์ครั้งที่ 69 ที่ผ่านมา พบว่าทั้ง Exhibitor และ Visitor มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีเยี่ยม เฉลี่ยกว่าร้อยละ 95 และเมื่อเปรียบเทียบกับงานแสดงสินค้าทั่วโลก ทั้ง Exhibitor และ Visitor พึงพอใจงานบางกอกเจมส์เป็นอันดับหนึ่ง โดยการรับสมัครผู้ประกอบการงานครั้งที่ 70 ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นเคย มี Exhibitor ชั้นนำ        จากไทยและต่างประเทศเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 1,100 บริษัท เกือบ 2,500 คูหา และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั่วโลกไม่น้อยกว่า 35,000 ราย ซึ่งBangkok Gems and Jewelry Fair ถือเป็นเวทีการค้าที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกระดับ ได้พบและเจรจาการค้ากับนักธุรกิจและผู้ซื้อจากทั่วโลก สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยายโอกาสทางธุรกิจ และความร่วมมือระหว่างกันแบบครบวงจร

 

A person sitting at a desk with a microphone

Description automatically generated

นายประยูร อินสกุล

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

2. ปลัดฯ หารือด้านเกษตร หนุนความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567)

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานร่วมฝ่ายไทยในการประชุมหารือระดับสูงด้านอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 (The 4th Meeting of Japan - Thailand High-Level Cooperation Dialogue on Agriculture and Food Industries : 4th HLCD) และการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมด้านเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง ภายใต้กรอบ JTEPA ครั้งที่ 14 (The 14th Meeting of the Sub-Committee on Agriculture, Forestry and Fisheries under the JTEPA) โดยมี นายเรียวสุเกะ โอกาวะ (Mr. Ogawa Ryosuke) ปลัดกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น เป็นประธานร่วมฝ่ายญี่ปุ่น ที่โรงแรมพลูแมนพัทยา จี จังหวัดชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนด้านนโยบาย ประเด็น และมาตรการสำคัญ รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยและญี่ปุ่น ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอนโยบายเรื่องการพัฒนาภาคการเกษตรของไทย ภายใต้ BCG Model ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นได้เสนอเกี่ยวกับการกำหนดยุทธศาสตร์เกษตรและอาหารยั่งยืน (มิโดริ) ใช้เป็นมาตรการส่งเสริมผลิตผลและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร ป่าไม้ และประมง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะสนับสนุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ BCG และมิโดริ ร่วมกัน ผ่านแผนความร่วมมือ "อาเซียน-ญี่ปุ่น มิโดริ" รวมทั้งฝ่ายไทยได้แลกเปลี่ยนในประเด็นมาตรการต่อสู้กับการกลายสภาพเป็นทะเลทรายและความเสื่อมโทรมของดิน และฝ่ายญี่ปุ่น แลกเปลี่ยนเรื่องการชี้แจงกฎหมายฉบับปรับปรุงด้านอาหาร เกษตร และชนบท และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการความร่วมมือที่ผ่านมา และนำเสนอโครงการความร่วมมือใหม่ 8 โครงการ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่าน BCG Model จึงเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านมาตรการเกษตร และด้านการเป็นหุ้นส่วนระบบเกษตรและอาหารในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าสินค้าเกษตรที่สำคัญอันดับต้นๆ ของไทย และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอันดับที่ 2 ของไทย มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ในปี 2566 มูลค่า 173,580 ล้านบาท ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปญี่ปุ่น มูลค่า 161,195 ล้านบาท และไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากญี่ปุ่น มูลค่า 12,385 ล้านบาท สินค้าเกษตรส่งออกจากไทยไปญี่ปุ่น 5 อันดับแรก ได้แก่ ไก่ปรุงแต่ง ชิ้นเนื้อและเครื่องในไก่ อาหารสุนัขหรือแมว สินค้าประมง และยางธรรมชาติ

 

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร

เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)

 

3. ไทยจับมือนิวซีแลนด์ด้านนวัตกรรมเกษตรขยายโอกาสในการค้าการลงทุนหลายสาขา (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567)

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าหารือกับ Mr.Shane Jones รัฐมนตรีของกระทรวงอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของนิวซีแลนด์ ซึ่งรับผิดชอบด้านมหาสมุทรและประมง การพัฒนาในภูมิภาค และด้านทรัพยากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับร่วมงานแสดงนวัตกรรมทางการเกษตร (Fieldays 2024) เพื่อสร้างความร่วมมือ และเครือข่ายทางวิชาการ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรมอากาศยานและการบินเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร ตลอดจนขยายโอกาสทางการค้า ซึ่งในโอกาสนี้ Mr.Shane Jones ได้เน้นย้ำความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ ทั้งในเรื่องการค้า การลงทุน และแรงงาน ผ่านความตกลงเขตเสรีการค้า หรือความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ไทย-นิวซีแลนด์ ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2548

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนิวซีแลนด์ เปิดประเทศมากขึ้น ทั้งด้านแรงงานและการท่องเที่ยว พร้อมให้ความร่วมมือกับไทย ในการลงทุนในสาขาต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรที่ตอบโจทย์สถานการณ์และความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น สภาพอากาศที่แปรปรวนและรุนแรง การขาดแคลนแรงงาน ฯลฯ ซึ่งรัฐมนตรีฯ นิวซีแลนด์ ให้แนวคิดว่าการเพิ่มรายได้เกษตรกร มีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ คือน้ำ และพลังงานที่เพียงพอ รวมถึงปัจจัยการผลิตที่มีราคาถูกและการประยุกต์นวัตกรรมเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. แบงก์ชาติเกาหลีใต้คงดอกเบี้ยตามคาด หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปี 67 เหลือ 2.4% (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567)

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 13 เนื่องจากหนี้สินภาคครัวเรือนยังคงปรับตัวสูงขึ้น และเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการ BOK ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากหนี้สินของภาคครัวเรือนเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลพวงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลายครั้ง รวมทั้งกฎระเบียบการกู้ยืมที่เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ที่เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายลงก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ BOK คงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ทั้งนี้ BOK ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 2567 ลงสู่ระดับ 2.4% จากระดับ 2.5% ที่มีการคาดการณ์ไว้ในเดือนพฤษภาคม 2567 และได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อในปี 2567 ลงสู่ระดับ 2.5% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.6%

อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้หดตัวลง 0.2% ในไตรมาส 2/2567 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส หลังจากมีการขยายตัว 1.3% ในไตรมาส 1 ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปีนั้น เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ขยายตัว 2.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ที่ขยายตัว 3.3%

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)