ข่าวในประเทศ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. อุตฯ เตรียมใช้ AI แก้สินค้าปลอมตลาดออนไลน์ (ที่มา: ไทยโพสต์, ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยผลการประชุมหารือแลกเปลี่ยนมุมมองในการใช้ Big Data และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จับสินค้าไม่ได้มาตรฐานใน E-Commerce Platform ว่า การประชุมดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องร่วมด้วยหลายฝ่าย อาทิ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กองกฎหมายสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และบริษัท Wisible ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงาน "Save อุตสาหกรรมไทย" โดยสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs และบังคับใช้กฎหมายกับสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่นำเข้าจากต่างประเทศ และสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน กำหนดแนวทางการป้องกันสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศในทุกช่องทางโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ และบังคับใช้กฎหมายกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าว เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ สมอ.ติดตามการดำเนินการป้องกันสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมทำความเข้าใจและชี้แจงข้อกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ให้บริการสินค้า ป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และได้ให้บริษัท Wisible มาให้ข้อมูลในการกำกับดูแลการขายสินค้าบน E-Commerce Platform ในต่างประเทศ พร้อมแนะนำการใช้ Big Data และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ในการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานใน E-Commerce Platform ของประเทศ
นายวันชัย พนมชัย
เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
2. ออก 512 "มอก." ปกป้องคนไทย (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567)
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) หรือ บอร์ด สมอ.มีมติเห็นชอบแผนการกำหนด มอก.ปี 2568 ที่ สมอ.ขออนุมัติเป็นครั้งแรก 512 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และสกัดกั้นสินค้าที่ไม่ได้ มอก.จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในไทย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนสำหรับ 512 มอก.นี้ เป็น มอก.ที่ สมอ.ดำเนินการ 457 มอก. และ มอก.ที่จัดทำโดย SDOs หรือองค์กรกำหนดมาตรฐานของ สมอ. เช่น กรมวิทยาศาสตร์บริการ สถาบันยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานอีก 55 มอก. เช่น กล่องเก็บสายสัญญาณ, แผ่นยางรองรางสำหรับรถไฟความเร็วสูง, ท่อลงน้ำมันสำหรับรถบรรทุก, โฟมดูดซับน้ำมัน, รองเท้าบูทยางพารา, แผ่นยางป้องกันการพังทลายของตลิ่ง, เสาหลักนำทางจากยางพารา, ยางหุ้มกำแพงคอนกรีตจากยางพารา, กรวยยางธรรมชาติอุดรูระเบิด สำหรับการระเบิดทางวิศวกรรม, ชุดตรวจสอบสิ่งปนเป้อนในอาหารฮาลาล, ดวงโคมไฟฟ้าแอลอีดีพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับให้แสงสว่างบนถนนและถ่านชีวภาพเพื่อการเกษตร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สมอ.ได้ออกประกาศกำหนด มอก.อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ มอก. ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ ดิจิทัล หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ปัจจุบันมี มอก.สินค้าต่างๆ รวม 144 รายการ ครอบคลุม 308 ผลิตภัณฑ์ ที่ผู้ประกอบการ ทั้งผลิต นำเข้าและจำหน่าย จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน รวมทั้ง สมอ.ยังได้เพิ่มความถี่และความเข้มงวดตรวจควบคุมสินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาดและทางออนไลน์ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
3. บีโอไอหนุน 'เม็กเท็ค' ลงทุน PCB เพิ่ม (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567)
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ อนุมัติบริษัท เม็กเท็ค แมนูแฟ็คเจอริ่ง เดินหน้าขยายลงทุนผลิต PCB ด้วยเงินลงทุน 920 ล้านบาท รองรับการเติบโตของความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ อุตสาหกรรมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board : PCB) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เนื่องจาก PCB ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ โทรคมนาคม เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรม PCB ไทยขึ้นแท่นอุตสาหกรรมมาแรง ผลักดันไทยก้าวสู่การเป็นฐานผลิตของภูมิภาค ด้วยกระแสการย้ายฐานการผลิตและปรับโครงสร้างซัพพลายเชนครั้งใหญ่ของโลก ได้ส่งผลให้ผู้ผลิต PCB รายใหญ่จำนวนมาก ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้ปัจจุบันไทยได้ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิต PCB อันดับ 1 ของอาเซียน และติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายสมชาย อัศวรุ่งแสงกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เม็กเท็ค แมนูแฟ็คเจอริ่ง คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ชนิด FPCB ระดับโลกจากญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อปี โดยเม็กเท็คได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในหลายโครงการ โครงการส่วนใหญ่เป็นการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคาดว่าธุรกิจกลุ่ม PCB ในไทยจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ข่าวต่างประเทศ
4. จีนเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนร่วงกว่า 27% เหตุดีมานด์ชะลอตัว (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567)
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทในภาค อุตสาหกรรมร่วง 27.1% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดในปีนี้ หลังจากที่ปรับตัวลง 17.8% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอและรัฐบาลจีนจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยข้อมูลของ NBS ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ (27 ตุลาคม 2567) ยังระบุด้วยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวลง 3.5% สวนทางกับในช่วง 8 เดือนแรกที่ตัวเลขกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ทั้งนี้ ทางด้านเหวย หนิง นักสถิติของ NBS กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนกันยายนนั้นมาจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง และราคาผู้บริโภคที่ทรุดตัวลงอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่า การที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้จะเป็นปัจจัยหนุนสภาพแวดล้อมด้านการผลิตและการดำเนินงานของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตให้ปรับตัวดีขึ้น และจะช่วยให้กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนฟื้นตัวขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนได้จากการสำรวจบริษัทอุตสาหกรรมที่มีรายได้จากธุรกิจหลักต่อปีอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (2.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนถือเป็นดัชนีชี้วัดสถานะทางการเงินของอุตสาหกรรมโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภคทั่วประเทศจีน โดยตัวเลขดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของบริษัทเหล่านี้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)