ข่าวประจำวันที่ 3 มกราคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person speaking into a microphone

Description automatically generated

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี

เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

1. สอน. สั่งการโรงงานน้ำตาลรับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ จนถึง 12 ม.ค. 68 เพื่อเป็นของขวัญวันเด็ก (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 3 มกราคม 2568)

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ตามที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศหยุดรับอ้อยเข้าหีบ 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 ซึ่งโรงงานน้ำตาลได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีส่งผลต่อการลดความหนาแน่นของการจราจรบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และทำให้อากาศสะอาดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ล่าสุดได้รับรายงานว่าเมื่อช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการลักลอบเผาอ้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ซึ่งสอดคล้องกับความหนาแน่นของฝุ่น PM 2.5 ที่เริ่มกลับขึ้นมาสูงอีกครั้ง สันนิษฐานว่า การลักลอบเผาที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อเตรียมการส่งเข้าหีบอ้อยในวันที่ 3 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่โรงงานน้ำตาลเริ่มกลับมาผลิตน้ำตาลทรายอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพและการประกอบอาชีพของประชาชนในวงกว้าง เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่ระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย ทั้งนี้ การเผาไร่อ้อยนอกจากจะเป็นการกระทำผิดและฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว ยังเป็นการเอารัดเอาเปรียบภาคธุรกิจอื่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างภาระให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เนื่องจากการเผาไร่อ้อยก่อนเก็บเกี่ยวเป็นการเผาอ้อยยืนต้นที่มีความสูงราว 3 - 4 เมตรเพื่อเอาใบออก ซึ่งอ้อยที่ถูกลักลอบเผา 10 ล้านตัน เทียบเท่าได้กับการเผาป่า 1 ล้านไร่ ทำให้ก่อมลพิษฝุ่น PM 2.5 ในปริมาณสูงมาก สามารถคงค้างอยู่ในบรรยากาศเป็นระยะเวลายาวนานและแผ่ขยายได้ตามทิศทางลม จึงปกคลุมหนาแน่นทั่วพื้นที่ในบริเวณที่มีประชนชนอาศัยอยู่ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนของทุกปี ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากที่ทวีความรุนแรงและส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชนผู้หายใจอากาศที่มีฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการลักลอบเผาอ้อยเหล่านี้ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายช่วยกันสอดส่อง จัดการและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรับผลกระทบจากเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย ประกอบกับใกล้ถึงวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจึงทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับอ้อยเผาไฟเข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็ดให้กับเยาวชนไทยทั้งประเทศ โดยการคืน "ฟ้าใส ไร้ฝุ่น PM 2.5" ให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ

 

A person sitting in a chair holding a tablet

Description automatically generated

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

 

2. ดัชนีขนส่งทางถนนปี 67 พุ่ง 1.5% หลังบริโภคฟื้น (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 3 มกราคม 2568)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนนไตรมาสที่ 4 และเฉลี่ยทั้งปี 2567 ปรับสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนนช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เผชิญต้นทุนสูงแต่การแข่งขันรุนแรงทำให้การปรับค่าบริการเป็นไปอย่างจำกัด และยังพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้า   ทางถนน โครงสร้างแบ่งตามกิจกรรมการผลิต ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 สูงขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 เป็นการสูงขึ้นของค่าบริการขนส่งในทุกหมวดสินค้า โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสูงขึ้น 3.1% เช่น ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม สิ่งทอ อุปกรณ์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองสูงขึ้น 0.9% เช่น ถ่านหินและลิกไนต์ ปิโตรเลียมดิบและก๊าซธรรมชาติ และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้น 0.6% เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่วนเฉลี่ยทั้งปี 2567 สูงขึ้น 1.5%

อย่างไรก็ตาม สำหรับชีดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน โครงสร้างแบ่งตามประเภทรถ ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 สูงขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 เป็นการสูงขึ้นเกือบทุกประเภทรถที่ใช้บริการขนส่งสินค้า อาทิ รถบรรทุกวัสดุอันตราย สูงขึ้น 3.8% รถตู้บรรทุก สูงขึ้น 2.8 % รถกระบะบรรทุก สูงขึ้น 1.9 % และรถพ่วง สูงขึ้น 0.7% ส่วนเฉลี่ยทั้งปี 2567 สูงขึ้น 1.5% โดยดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนนเพิ่มสูงขึ้นเพราะราคาน้ำมันดีเซลสูงกว่าปีก่อนดอกเบี้ยทรงตัวสูง ขณะที่ภาคท่องเที่ยว ส่งออก และการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง

 

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร

เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

3. สศก.เผยผลส่งออกสินค้าเกษตรพุ่ง (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 3 มกราคม 2568)

 

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลกในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-ตุลาคม 2567) พบว่า ไทยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร (พิกัด 01-24 รวมยางพารา) รวมทั้งสิ้น 2,146,745 ล้านบาท โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 1,536,704 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.24 การนำเข้ามูลค่า 610,041 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15 ส่งผลให้ไทยมีดุลการค้าสินค้าเกษตรเกินดุลถึง 926,663 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสถิติการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับโลก ในเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 พบว่า สินค้าเกษตรที่มูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ ได้แก่ ข้าว มูลค่า 168,685 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 39.24 ทุเรียนสด มูลค่า 130,352 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.57 ยางธรรมชาติ มูลค่า 95,927 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 54.33 ไก่แปรรูป มูลค่า 87,009 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.75 และอาหารสุนัขหรือแมว มูลค่า 79,071 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 35.45

อย่างไรก็ตาม ขณะที่สินค้าเกษตรที่ไทยนำเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ ถั่วเหลือง มูลค่า 56,613 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 10.38 กากน้ำมัน และกากแข็ง อื่นๆ ที่ได้จากการสกัดน้ำมันถั่วเหลือง มูลค่า 43,780 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 22.90 ปลาสคิปแจ็คแช่แข็ง มูลค่า 32,452 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 26.75 ข้าวสาลีและเมสลินมูลค่า 31,820 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 23.51 และอาหารปรุงแต่งอื่นๆ (อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม) มูลค่า 28,131 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 22.62 โดยในส่วนของสินค้าที่ไทยนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าวัตถุดิบที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ เช่นถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง รวมถึงการนำเข้ามาเพื่อแปรรูปเป็นอาหารสุนัขหรือแมวส่งออกไปต่างประเทศต่อไป

 

ข่าวต่างประเทศ 

A red circle with yellow stars on it

Description automatically generated

 

4. "บีวายดี" กวาดยอดขายรถ EV ทั่วโลกแซงหน้า "เทสลา" ใน Q4/67 (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 3 มกราคม 2568)

วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) เปิดเผยรายงานว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบีวายดี (BYD) ครองยอดขายรถ EV มากที่สุดในโลกแซงหน้าเทสลา (Tesla) เป็นครั้งที่สองในไตรมาส 4/2567 โดยในรายงานระบุว่า บีวายดี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ที่สุดของจีน ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (all-electric vehicles) จำนวน 207,734 คัน ในเดือนธันวาคม 2567 เพิ่มขึ้นราว 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สำหรับไตรมาส 4 นั้น บีวายดีส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบประมาณ 595,000 คัน ซึ่งมากกว่าเทสลา ส่งผลให้ผู้ผลิต EV จากจีนรายนี้ครองยอดขายมากที่สุดในโลกรายไตรมาสเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเทสลาส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 496,000 คันในไตรมาส 4/2567 ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะมียอดส่งมอบอยู่ที่ 507,000 คัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลอดปี 2567 บีวายดีขายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบได้ประมาณ 1.768 ล้านคัน เพิ่มขึ้นราว 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่เทสลามียอดขายประมาณ 1.79 ล้านคัน ลดลงราว 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)