ข่าวประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. 'เอกนัฏ' ลุยตรวจเข้ม จับสายไฟ-เหล็กเส้นไม่ได้มาตราฐาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 49 ล้าน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 1 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) นายสุตตะนนท์ โสวนิตย์ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 2 สมอ. เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) เข้าตรวจร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่และโรงงานเหล็กร่วมทุนจีน โดยได้ยึดอายัดหลอดไฟ สายไฟ และเหล็กเส้นตกเกรด มูลค่ารวมกว่า 49.2 ล้านบาท ใน 2 พื้นที่ โดยทีมชุดตรวจการสุดซอยได้เข้าตรวจร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัท นิว สตาร์ไลท์ เทค (ไทยแลนด์) จำกัด แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ โดยระบุชื่อนายต้า ชิ่ง วู๋ เป็นกรรมการ ซึ่งบริษัทฯ เคยถูกดำเนินคดีและจับกุมเมื่อปี 2564 ได้ถูกยึดอายัดของกลางกว่า 11 ล้านบาท และทางคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ได้มีคำสั่งให้ทำลายของกลาง และเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา สมอ. ได้เข้าดำเนินการตามคำสั่ง กมอ. ปรากฏว่าของกลางทั้งหมดหายไป เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกประจำวันและดำเนินคดี พร้อมขยายผลต่อโดยตรวจพบสินค้าไม่มี มอก. ล็อตใหม่มูลค่ากว่า 26.3 ล้านบาท เช่น หลอดไฟแอลอีดี โคมไฟ หลอดไฟขั้วเกลียว แหล่งจ่ายไฟสำหรับคอมพิวเตอร์ อะแดปเตอร์ สายไฟ และป้ายไฟ เป็นต้น จึงได้ยึดอายัดและดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานและนำของกลางมาเก็บรักษาไว้เพื่อไม่ให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอีก นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่ต่อเนื่องไปยังบริษัท ชลบุรี สเปเชียล สตีล กรุ๊ป จำกัด ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-จีน โดยมีบริษัท เถิง เฟิง สตีล จำกัด เป็นผู้ร่วมลงทุน ซึ่งทางบริษัท ชลบุรีฯ ได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. 3 ฉบับ ได้แก่ เหล็กเส้นกลม มอก. เหล็กข้ออ้อย มอก. และเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งผลทดสอบเหล็กเส้นกลม ขนาด RB 9 ชั้นคุณภาพ SR24 จากสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในรายการเครื่องหมายและฉลาก ระยะห่างระหว่างตัวนูน แม้ไม่ส่งผลต่อความปลอดภัย แต่ก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้บริโภคในการตรวจสอบ โดยได้ยึดอายัดเหล็กเส้นกลม ขนาด RB 9 ชั้นคุณภาพ SR24 รุ่นการผลิตเดือนมกราคม 2568 จำนวน 229,600 เส้น น้ำหนัก 1,148 ตัน มูลค่ากว่า 22.9 ล้านบาท และดำเนินคดีกับบริษัทฯ โทษฐานทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน พร้อมทั้งแจ้งให้แก้ไขกระบวนการผลิตภายในระยะเวลา 30 วัน มิฉะนั้นจะสั่งพักใช้ใบอนุญาต และสั่งให้บริษัทฯ เรียกคืนเหล็กที่จำหน่ายออกไปแล้วกลับคืนมา

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้สินค้าควบคุมต้องผลิตและจำหน่ายสินค้าดีมีมาตรฐานให้กับประชาชน โดยเฉพาะ "เครื่องใช้ไฟฟ้าและเหล็กเส้น" ถือเป็นสินค้าที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของประชาชน หากไม่มีมาตรฐานอาจก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือ โครงสร้างบ้านเรือน ที่พักอาศัย สะพานถล่ม ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงต้องมีการกำกับดูแลควบคุมคุณภาพของสายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเส้นที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. ต้องแสดงเครื่องหมาย มอก.รวมถึงคิวอาร์โค้ดบนสินค้า เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีการลักลอบนำเข้า-ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน

 

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

2. ส.อ.ท. ชงรัฐจัด 4 แนวทาง ปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจประเทศ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568)

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพีของไทย เติบโตต่ำเพียง 1 - 2% และไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก ยิ่งหลังโควิด-19 จีดีพีไทยเติบโตต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น เราไม่ควรติดกับดักเดิมๆ ที่ขาดการปรับตัวและขาดความกล้าหาญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ของประเทศ ทั้งนี้ ภาคเอกชนจึงต้องการให้ภาครัฐมีนโยบายในการผลักดันจีดีพีโดยมีแนวทางเบื้องต้นดังนี้ 1. C = Consumption ลดภาระหนี้ และค่าครองชีพของประชาชน และเอกชน ด้วยนโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสมและ การเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs อีกทั้งลดการผูกขาด ส่งเสริมตลาดแข่งขันเสรี (ในประเทศ) ของทุกสินค้า และบริการที่สำคัญ เร่งนโยบายการเพิ่มรายได้ตามทักษะฝีมือแรงงาน ด้วยการเร่ง Upskill และ Reskill ที่จะสร้างความยั่งยืนทั้งระบบ อีกทั้งส่งเสริมการบริโภคสินค้า หรือ บริการที่ MiT (Made in Thailand) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ 2. I = Investment เน้นส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม หรือบริการที่เป็นจุดแข็งของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปตามหลัก BCG และมุ่งส่งออก High value Product แทน การส่งสินค้าเกษตรขั้นต้นซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า อีกทั้งเร่งการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากจุดแข็งของเรา (New Engine) เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไปจากยานยนต์สันดาป โดยผลักดัน Part Transform Policy เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ 3. G = Government Expenses เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ อุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น ระบบน้ำ ให้ภาคเกษตร และรองรับอุตสาหกรรม BCG ที่สำคัญ คือ ส่งเสริมสินค้า MiT (Made in Thailand) มากกว่าสินค้านำเข้าที่สำคัญ คือ การใช้งบประมาณภาครัฐ อย่างมีประสิทธิภาพ และ 4. เพิ่ม Export / ลด Import นอกจากการหาตลาดใหม่ๆ รวมทั้งการเจรจา FTA เราควรส่งเสริมการส่งออก ด้วยมาตรการค่าเงินบาทที่อ่อน เทียบกับคู่แข่งรวมทั้งลดอุปสรรค ควรลดการนำเข้าสินค้าที่สามารถผลิตในประเทศ รวมทั้งการลักลอบนำเข้า และการใช้ประโยชน์ในเขตปลอดอากร Free Zone ที่ทำลายอุตสาหกรรมในประเทศ อีกทั้งเร่งการผลิตของในประเทศ แทนการนำเข้า

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณรัฐบาลชุดนี้ที่ได้เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายเรื่อง อย่างเต็มที่ด้วยนโยบายดีๆ หลายเรื่องและมั่นใจว่า เอกชน และทุกภาคส่วน ต่างก็พร้อมที่จะให้กำลังใจ และร่วมทำงานเชิงรุกอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อผลักดันในประเทศไทยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปด้วยกัน

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายอภิชิต ประสพรัตน์

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. มาตรการกระตุ้นรัฐออกฤทธิ์ดัชนีอุตฯ ขยับ (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 20กุมภาพันธ์ 2568)

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ระดับ 91.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 90.1 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกขยายตัวจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเร่งนำเข้าเพื่อสต๊อกสินค้า โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 (ช่วง 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568) คาดว่าจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) โอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2 วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน อีกทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากว่า 532,853 คน ในเดือนมกราคม 2568 และภาครัฐลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน อาทิ มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร (1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568) การปรับลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย จากเดิม 4.18 บาท (งวดเดือน มกราคม - เมษายน 2568)

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 96.2 เพิ่มขึ้นจาก 95.5 จากมาตรการแก้หนี้ในโครงการคุณสู้เราช่วย ช่วยลดภาระหนี้และค่าใช้จ่ายทางการเงินให้กับลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอี สินค้าไทย อาจส่งออกได้มากขึ้นในบางอุตสาหกรรม อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทดแทนสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจีนที่มีราคาสูงขึ้นจากการตอบโต้ทางภาษีระหว่างกัน ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังกังวลเรื่องสหรัฐมีนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน อาจทำให้สินค้าจีนประสบปัญหาสินค้าเหลือคงค้าง และเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดในไทยและอาเซียน

 

ข่าวต่างประเทศ

A red flag with yellow stars

AI-generated content may be incorrect.

 

4. แบงก์ชาติจีนประกาศคงดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี และ 5 ปี ในวันนี้ตามคาด (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568)

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6% ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ เนื่องจากทางการจีนให้ความสำคัญกับการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ซึ่งการประกาศคงอัตราดอกเบี้ย LPR ในวันนี้สอดคล้องกับผลสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์

อย่างไรก็ตาม ทางด้าน พาน กงเซิ่ง ผู้ว่าการ PBOC กล่าวในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่ซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา ว่า เงินหยวนที่มีเสถียรภาพนั้นมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจโลก พร้อมกับกล่าวว่า ในขณะที่สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่เงินหยวนยังคงมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ ผู้ว่าการ PBOC ยังกล่าวว่า จีนให้ความสำคัญมากขึ้นกับการอุปโภคบริโภค พร้อมกับย้ำถึงความมุ่งมั่นของจีนในการนำนโยบายการคลังแบบเชิงรุกและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมาใช้ในปีนี้

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำด (มหาชน)