ข่าวประจำวันที่ 12 มีนาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person with her arms crossed

AI-generated content may be incorrect.

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

 

1. ยกระดับธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มโอกาสสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2568)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 จำนวนประชากรผู้สูงอายุของไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 14.4 ล้านคน หรือคิดเป็นมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดการณ์ว่าในปี 2578 สัดส่วนประชากรสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% (ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข) ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำลังการผลิตยังไม่สามารถรองรับได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ธุรกิจในกลุ่ม Healthcare & Wellness ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ ตลอดจนธุรกิจขนส่งและเดลิเวอรี่ ล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคม         สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญต่างๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย ปัญหาหรือความต้องการของผู้สูงอายุ ข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมืออาชีพ รวมถึงความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะและประสบการณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ซึ่งกรมฯ จึงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด ในการส่งเสริมและยกระดับธุรกิจ Healthcare & Wellness ให้มีมาตรฐานการบริหารจัดการและการบริการในระดับสากล โดยมีการพัฒนาหลักสูตรด้านการบริหารจัดการและการตลาดที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจโดยปัจจุบันมีธุรกิจที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 8,110 ราย รวมทั้งร่วมมือกับสมาคมการค้าและบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย พัฒนาหลักสูตร Smart Senior Care Business การบริหารจัดการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุอย่างมืออาชีพขึ้น พร้อมทั้งมอบรางวัลสถานประกอบการมาตรฐานดีSenior Care Business Quality Award ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุคุณภาพจำนวน 178 ราย และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจดูแลผู้สูงอายุกับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจสปา ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่พักเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 กรมฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรม "DBD Wellness 2025" ภายใต้แนวคิด Empowering Growth, Sustaining Your Business เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจ Wellness & Healthcare ได้แก่ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจสปา ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ ธุรกิจกายภาพบำบัด และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ผ่านการ Workshop ในหลักสูตร "พลิกเกมธุรกิจ Wellness ให้ปังด้วยพลังดิจิทัลและเครือข่ายธุรกิจ" และการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจสู่ความยั่งยืน รวมทั้งเพิ่มโอกาสทางการตลาดในการเข้าร่วมแสดงศักยภาพและเจรจาจับคู่ธุรกิจกับนักธุรกิจต่างชาติในงาน Thailand Wellness and Healthcare 2025 ระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยคาดว่ากิจกรรมนี้จะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการซื้อขายและการเจรจาธุรกิจไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาท

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายสนั่น อังอุบลกุล

ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 

2. หอการค้าชี้แจกเงินหมื่นเฟส 3 ดันจีดีพีเพิ่ม 0.1% (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2568)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้เฉพาะกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน ใช้งบประมาณราวๆ 25,000-27,000 ล้านบาท ว่า หากเป็นการใช้ในสินค้าที่เป็น Local Content และเป็นการใช้จ่ายเงินในแต่ละพื้นที่ น่าจะทำให้มีผลต่อจีดีพี ประมาณ 0.1-0.2% ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะซึมตัวจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายนอกและภายใน โดยเฉพาะปัญหากำลังซื้อของประชาชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจึงจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องและมุ่งเน้นมาตรการที่เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่เคยดำเนินการมาก่อน ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน และมีผลเชื่อมโยงไปยังภาคธุรกิจ SME หรือในลักษณะโครงการคูณสอง เป็นแนวทางที่หอการค้าเคยเสนอไว้ ส่วนนี้จะทำให้ประชาชนในการนำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ทั้งนี้ หอการค้าฯ มีข้อเสนอที่อยากจะฝากไปยังรัฐบาลและสถาบันการเงินให้พิจารณาดำเนินการ ได้แก่ 1. ธนาคารควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับ SMEs อย่างเป็นรูปธรรม 2. ขยายโครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ไม่มี หลักประกัน และ 3. พิจารณาการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ในภาคธุรกิจที่มีศักยภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยี การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งรัฐบาลควรมีมาตรการสนับสนุนอื่นๆ ควบคู่กันเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามเป้า อาทิ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยเฉพาะงบค้างท่อที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้า ส่งค้า-ปลีกไทย กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ที่จะแจกให้กลุ่มอายุ 16-20 ปี ต้นไตรมาส 3 คาดว่าจะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพราะเป็นวงเงินที่น้อยเพียง 2 หมื่นกว่าล้านบาท

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายนาวา จันทนสุรคน

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. ผวาเหล็กจีน-ไต้หวัน-เกาหลี-เวียดนาม ทะลักไทยเพิ่มหลังสหรัฐขึ้นภาษีโหด (ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2568)

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนยังมีความคาดหวังรัฐบาลไทยจะไปเจรจากับสหรัฐเพื่อให้กลับมายกเว้นภาษีนำเข้า หรือไม่ก็ช่วยเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนการนำเข้าสินค้าระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อไทย และลดแรงกดดันการใช้มาตรการขึ้นภาษีกับสินค้าไทย ซึ่งปัจจุบันนอกจากสินค้าเหล็กของไทยจะถูกสหรัฐขึ้นภาษี 25% ไปก่อนหน้าประกาศของทรัมป์แล้ว ผู้ประกอบการในประเทศยังต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากสินค้าเหล็กจากต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเหล็กจากจีน ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กของไทยใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยเพียง 28% ของกำลังการผลิตโดยรวม ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเหล็กค่อนข้างวิกฤต โดยลูกค้ารายใหญ่ที่ใช้เหล็กอยู่ในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ใช้เหล็กอยู่ประมาณ 60% ของปริมาณการใช้เหล็กทั้งหมดของประเทศ รองลงมาคืออุตสาหกรรมรถยนต์สัดส่วนประมาณ 25% ซึ่งหวังทั้งสองภาคการผลิตจะกลับมาดีขึ้นช่วยเพิ่มการใช้เหล็ก แต่ที่น่ากลัวคือจีนช่วงหลังที่ถูกสหรัฐขึ้นภาษี ทำให้จีนส่งออกเหล็กไปสหรัฐปีหนึ่งเหลือประมาณ 4-5 แสนตัน ส่งผลเหล็กจีนทะลักเข้ามายังอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ที่น่าห่วง คือประเทศที่นอกเหนือจากจีน เช่น เวียดนาม เกาหลีใต้ ไต้หวัน ซึ่งส่งออกเหล็กไปสหรัฐเป็นหลักล้านตัน การถูกสหรัฐขึ้นภาษี 25% จะส่งผลให้สินค้าเหล็กจากประเทศเหล่านี้จะมุ่งหน้ามาทางอาเซียนมากขึ้น ซึ่งขอให้กระทรวงพาณิชย์ได้นำมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) และมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard) ในสินค้าเหล็กกลับมาใช้ในรอบ 6 ปี

 

ข่าวต่างประเทศ

A red and white flag

AI-generated content may be incorrect.

 

4. อินโดนีเซียเตรียมเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล ต่อวัน (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2568)

คณะทำงานด้านการกระจายพลังงานและความยืดหยุ่นแห่งอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า อินโดนีเซียเตรียมขยายกำลังการกลั่นน้ำมันดิบเพิ่มเป็น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน กระจายตัวใน 16 พื้นที่ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากแผนเดิมที่ตั้งเป้าไว้เพียง 500,000 บาร์เรลต่อวันในพื้นที่เดียว ทั้งนี้ ทางด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุมระหว่างประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต กับคณะทำงานฯ ณ พระราชวังเมอร์เดกาในกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมุ่งเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางดเนบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย หัวหน้าคณะทำงานฯ กล่าวว่า โรงกลั่นน้ำมันจะกระจายตัวไปทั่วจังหวัดกาลิมันตัน ชวา สุลาเวสี มาลูกู และปาปัว เพื่อส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เท่าเทียม นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังเตรียมก่อสร้างถังเก็บน้ำมันขนาด 1 ล้านบาร์เรลต่อวันที่เมืองบาตัม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดหาพลังงานในระดับชาติด้วย

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำด (มหาชน)