ข่าวในประเทศ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. เร่งปราบนิคมศูนย์เหรียญ อุตฯ ส่งทีมสุดซอยกวาดล้าง 3 บริษัทในระยองสั่งหยุดกิจการ (ที่มา: ไทยโพสต์, ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2568)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม (ทีมสุดซอย) พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.), สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม (สมอ.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ลงพื้นที่ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง หลังได้รับการประสานงานจาก นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. ระยอง พรรคประชาชน ให้เข้าตรวจสอบกลุ่มโรงงานและโกดังต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายตั้งเป็นนิคมจีนศูนย์เหรียญ รวมทั้งยังมีประชาชนบริเวณใกล้เคียงร้องเรียนว่า ได้รับผลกระทบด้านมลภาวะจากกลุ่มโรงงานดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ นิคมศูนย์เหรียญ ถือเป็นวาระสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องเร่งปราบปราม แก้ไข อย่างเร่งด่วน เป็นโมเดลธุรกิจที่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ก่อให้ เกิดมูลค่า ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำร้ายชีวิตคน ทำร้ายธุรกิจไทย ไร้ความรับผิดชอบ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางสาวฐิติภัสร์ กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ว่า ในพื้นที่มีอาคารลักษณะโกดังจำนวน 4 หลัง เป็นของบริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่โรงงานและโกดัง มีนายหว่าน ชิวเฉิน รับเป็นเจ้าของโครงการบริหารจัดการดูแลพื้นที่ทั้งหมด โดยมีข้อเสนอพิเศษให้ผู้เช่าว่า สามารถขอใบอนุญาตโรงงาน (ร.ง.4) ให้ได้ด้วย โดยพบว่า 4 โกดังในพื้นที่มี 5 บริษัทที่มีกรรมการบริษัทเป็นชาวจีนทั้งหมดตั้งประกอบกิจการโรงงานอยู่ ตรวจสอบใบอนุญาตโรงงานพบข้อพิรุธว่า เกือบทุกบริษัทได้รับโอนใบอนุญาตจาก บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด และประเภทของใบอนุญาตก็จะมีลักษณะคล้ายหรือใกล้เคียงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแต่ละโรงงานผลิตสินค้าที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ กรณีของบริษัท ซีเอส เคฯ ในฐานะผู้ให้เช่าโกดังมีใบอนุญาตประเภทเดียวกันจำนวน 3-4 ใบ และยังสามารถโอนไปยังผู้เช่าโกดังในห้วงเวลาเดียวกัน ต้องไปไล่ดูว่า มีช่องโหว่ในกระบวนการขออนุญาตของ กรอ. หรือมีเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ หรือสนับสนุนผู้ประกอบการกระทำความผิดหรือไม่ด้วย
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) หรือ ดีพร้อม กระทรวงอุตสาหกรรม
2. 'ดีพร้อม' หารือ 'ก.พ.ร.' ตั้งกองพัฒนาเกษตรอุตฯ-ศูนย์วิจัย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2568)
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) หรือ ดีพร้อม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้มีการประชุมหารือการจัดทำ (ร่าง) คำชี้แจงการแบ่งส่วนราชการภายในกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และคณะผู้บริหารของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วม เพื่อเป็นการประกอบการจัดทำคำขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 2 หน่วยงาน ได้แก่ กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในการเสนอปรับโครงสร้างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมครั้งนี้ จะไม่มีการเพิ่มอัตรากำลัง แต่จะเป็นการเกลี่ยอัตรากำลังในทุกหน่วยงานภายใต้การสังกัดกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถรองรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐบาล โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการดำเนินงานที่รองรับด้านเกษตรอุตสาหกรรม โดย ในปี 2567 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย ดังนั้นในการจัดตั้งกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม จเป็นการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานและการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยดังกล่าวให้บรรลุตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ รวมถึงจะมีบทบาทความรับผิดชอบด้านเกษตอุตสาหกรรมที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยการพัฒนากระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และการยกระดับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทย ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เพื่อป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยังได้เสนอจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้านวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์โดยตรง ซึ่งจะดำเนินงานตั้งแต่การวิจัย พัฒนาวัสดุ ตลอดจนวัสดุทดแทน วัสดุ ที่ผ่านการออกแบบ เพื่อพัฒนาให้มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรม สอดรับนโยบายที่มุ่งเน้นการปฏิรูปอุตสาหกรรม สร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้มีความทันสมัย สะดวก สะอาด โปร่งใส ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังควบคู่ไปกับการดำเนินงานตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ส่งเสริมการสร้างและพัฒนาทักษะ พร้อมกับการมีเครื่องมือที่ทันสมัย ส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อให้ธุรกิจและชุมชนมีโอกาสในการเติบโตได้มากขึ้น อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ให้คำแนะนำ พร้อมชี้แนะแนวในทางการจัดทำ (ร่าง) คำชี้แจงการแบ่งส่วนราชการภายในกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้มีความครบถ้วน สมบูรณ์ และเป็นไปตามกฎระเบียบ แบบแผนของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) อย่างถูกต้องและเหมาะสมอีกด้วย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
3. แนะผู้ผลิตรถยนต์ลุยผลิตเครื่องมือแพทย์ (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2568)
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทาย ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง จากการใช้รถยนต์สันดาปภายในที่ไทยเป็นผู้นำตลาดสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เพื่อให้ไทยยังรักษาความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ต่อไปได้ จึงต้องมีการวางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น ขณะเดียวกันต้องรักษารากฐานให้มั่นคง เช่น เร่งสนับสนุนจุดเด่นของไทย อาทิ การรักษาความสามารถในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายในที่สำคัญของโลก การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเพิ่มโอกาสขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอาเซียน อาหรับ ออสเตรเลีย และต้องปรับตัวสู่อีวี โดยเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยปรับตัวไปสู่การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า อาทิ แบตเตอรี่อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไทยควรมองหาโอกาสในการปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เป็นแนวโน้มของอนาคตด้วย เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด ทำให้ความต้องการเครื่องมือแพทย์ในตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนสามารถขยายตลาดไปสู่การผลิตเครื่องมือแพทย์ที่มีความแม่นยำในการผลิตเช่นเดียวกับชิ้นส่วนรถยนต์ และควรมองถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานที่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ (นิวเอส-เคิร์ฟ) ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ข่าวต่างประเทศ
4. จีนกำหนดภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดพอลิฟอร์มัลดีไฮด์โคพอลิเมอร์ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2568)
กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า จีนจะจัดเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าพอลิฟอร์มัลดีไฮด์โคพอลิเมอร์ (polyformaldehyde copolymer) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าการนำเข้าพอลิฟอร์มัลดีไฮด์โคพอลิเมอร์จากประเทศและภูมิภาคดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการทุ่มตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่ออุตสาหกรรมในประเทศ โดยอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดจะอยู่ระหว่าง 3.8-74.9%
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พอลิฟอร์มัลดีไฮด์โคพอลิเมอร์ถูกใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรอุตสาหกรรม อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อทดแทนทองแดง สังกะสี ดีบุก ตะกั่ว และวัสดุโลหะอื่นๆ บางส่วน
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)