ข่าวประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. การ์เดียนอินดัสทรีส์ฯ ห่วงราคาก๊าซพุ่ง กระทบผลิตกระจก-วอน 'เอกนัฏ' ช่วย (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ต้อนรับคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท การ์เดียนอินดัสทรีส์ ระยอง จำกัด เพื่อหารือถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมกระจก และแนวโน้มของนโยบายภาครัฐ ที่อาจส่งผลต่อภาคการผลิตในอนาคต โดยคณะผู้บริหารของบริษัทได้สะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยต้นทุนหลักในการผลิตกระจก ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและการวางแผนลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานเข้มข้น นอกจากนี้ยังได้หารือถึงความคืบหน้าในการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระจกเงาตามมาตรฐาน มอก.1732-2558 ซึ่งถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดสากล

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ สิ่งแวดล้อม ซึ่งหลายประเทศเริ่มใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะการปล่อยคาร์บอน และอาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม สำหรับประเทศกำลังพัฒนา พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับแนวนโยบายภาครัฐในการกำหนดอัตราส่วนขั้นต่ำของวัตถุดิบภายในประเทศที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการและร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมต่อความท้าทายที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านต้นทุนการผลิต มาตรฐานสินค้า และข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม โดยย้ำว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในระยะต่อไปจะต้องมีความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และร่วมกันการสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลกอย่างยั่งยืน

 

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

 

2. ดีพร้อมหนุนนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้าถึงแหล่งทุน-เชื่อมโยงเครือข่าย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ได้จัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย อาทิ กิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ DIPROM x Delta Angel Fund Connect โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้งกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ : DIPROM Young SMEs Network รุ่นที่ 2 เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ และทายาทธุรกิจได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจ สร้างความสัมพันธ์และเชื่อมโยงจุดเด่น สร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ทั้งนี้ ทางด้านนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สิ่งสำคัญของการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ คือ "การปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง" โดยดีพร้อม ได้วางแนวทางการดำเนินงาน ในปี 2568 ด้วยการปฏิรูปการดำเนินงานโฉมใหม่ โดยมองภาพการพัฒนาให้กว้างขึ้น และตอบสนองประเด็นปัญหาเชิงมหภาค รองรับการดึงดูดการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพ รวมถึงสนับสนุนวิสาหกิจไทย ให้สามารถปรับตัวสู่โลกยุคใหม่ ให้อยู่รอด เดินต่อ และเติบโตสู่สากล

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจ เริ่มต้น หรือ DIPROM x Delta Angel Fund Connect มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ เชิงพาณิชย์ได้ โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นการต่อยอดจากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร "การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านการตลาด (Marketing Camp)" ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการบ่มเพาะทักษะทางธุรกิจและการตลาดอย่างเข้มข้น และมีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 50 ทีม เข้าสู่กิจกรรมการนำเสนอโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์ด้านการตลาดต่อแหล่งทุน (Pitching Day) รอบที่ 1 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีทีมที่ผ่านเข้ารอบครั้งนี้ จำนวน 20 ทีม ซึ่งจะเข้าสู่กิจกรรม "Proof Of Concept" (POC) เพื่อชิงเงินรางวัลเป็นทุนสำหรับการต่อยอดทางธุรกิจต่อไป

 

A person sitting in a chair

AI-generated content may be incorrect.

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม

 

3. อุตฯ ผนึกกำลัง AFMA ขับเคลื่อนมาตรฐานน้ำตาลสีเขียว (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568)

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้บริหารสมาคมการตลาดเกษตรและอาหารแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (AFMA) ถึงการกำหนดมาตรฐานด้านการผลิตอย่างยั่งยืนสำหรับ อ้อย น้ำตาล และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการหารือครั้งนี้ มุ่งเน้นการ นำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาเป็นแกนหลักในการยกระดับมาตรฐานการผลิตในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ตามนโยบายของรมว.เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย ก้าวสู่ยุคใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้ให้เกษตรกร ลดการพึ่งพาเงินชดเชยอ้อยสดจากรัฐบาล ทั้งยังลดปัญหาการเผาอ้อย และสร้างความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ การกำหนดมาตรฐานการผลิตที่สอดคล้องกับหลักสากล ไม่เพียงส่งผลดีต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคแต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าสู่ แนวคิดโรงงานน้ำตาลสีเขียว และการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกคาร์บอนเครดิตจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ เช่น AFMA ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเราเผชิญกับความผันผวนของราคาอ้อยในตลาดโลก ปัญหาการเผาอ้อยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในอนาคตจะไม่ติดกับดักเดิมๆ อีกต่อไป กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมขับเคลื่อนมาตรฐานน้ำตาลสีเขียว ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ทั้งระบบ การเปลี่ยนผ่านนี้จะทำให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย ก้าวสู่ความยั่นยืนอย่างแท้จริงและเป็นผู้นำในตลาดโลกต่อไป

 

ข่าวต่างประเทศ

A logo with a globe and arrows

AI-generated content may be incorrect.

 

4. OECD หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2568 เซ่นพิษภาษีสหรัฐฯ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568)

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยว่า ได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลง 0.2% เหลือเพียง 2.9% โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ อเมริกาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ ซึ่ง OECD ระบุในรายงานว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกตอนนี้ "ท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ" และย้ำว่า "ถ้ายังมีการเพิ่มกำแพงการค้าอย่างมหาศาล ... และความไม่แน่นอนทางนโยบายยังคงอยู่ จะส่งผลกระทบในทางลบต่อแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก" ทั้งนี้ ทางด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า OECD ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ของญี่ปุ่นก็ถูกปรับลงเช่นกัน โดย OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต 1.6% ในปี 2568 และ 1.5% ในปี 2569 ซึ่งลดลงจาก 2.2% และ 1.6% ตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโต 0.7% ในปี 2568 ลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่จะขยายตัว 0.4% ในปี 2569 เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.2% ที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเมื่อค่าจ้างเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สำหรับจีนซึ่งไม่ใช่สมาชิก OECD คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 4.7% ในปี 2568 และ 4.3% ในปี 2569 ซึ่งลดลง 0.1% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าทั้งคู่ เนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลให้การส่งออกลดลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2569 OECD คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.9% ลดลง 0.1% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2568 

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)