ข่าวประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. 'เอกนัฏ' หารือสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น วางระบบจัดการปัญหากากอุตสาหกรรม (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือแนวทางการพัฒนาร่าง พ.ร.บ. การจัดการกากอุตสาหกรรมของไทย กับนายมัตสึซาวา ยูทากะ (Mr. MATSUZAWA Yutaka) รองปลัดกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ซึ่งกำกับดูแลด้านกิจการสิ่งแวดล้อมโลก (เทียบเท่าปลัดกระทรวง) (Vice Minister for Global Environment Affairs, Ministry of the Environment, Japan) ผ่านระบบการประชุมทางไกล (ZOOM) ทั้งนี้ ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลองค์ความรู้ ตลอดจนความช่วยเหลือต่างๆ จากประเทศญี่ปุ่นเสมอมา ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศไทยมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมมีความร่วมมืออันดีกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดกากอุตสาหกรรม รวมทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรม และขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และประชาชนโดยรอบบริเวณโรงงานที่ลักลอบกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ. การจัดการกากอุตสาหกรรม พ.ศ. … ของไทย ซึ่งเป็นกฎหมายดูแลด้านการกำจัดขยะอุตสาหกรรมครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อกำกับดูแลให้เกิดการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง ตลอดจนเพื่อสร้างกลไกในการส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งส่วนหนึ่งได้ศึกษาข้อมูลมาจากกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นที่มีความเข้มข้น โดยหัวใจสำคัญของ พ.ร.บ.นี้ คือ ปิดประตูตายการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะไทยไม่ใช่กองขยะของโลก

อย่างไรก็ตาม ทางด้านรองปลัดกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ได้ขอบคุณความร่วมมืออันดีที่มีมาโดยตลอดระหว่างสองกระทรวง นับตั้งแต่การลงนามความร่วมมือร่วมกันเมื่อปี 2559 และมีความยินดีที่การหารือในวันนี้จะเป็นการกระชับความร่วมมือระหว่างสองกระทรวง และเป็นการส่งเสริมการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมฝ่ายไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อม ฝ่ายญี่ปุ่นได้แลกเปลี่ยนข้อมูล แนวนโยบาย และข้อคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและการขับเคลื่อนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และ ทั้งสองกระทรวงของทั้งสองประเทศ จะได้มีการหารือร่วมกันในระดับต่างๆ ต่อไป เพื่อผลักดันให้เกิด พรบ.กากฯ ขึ้นได้โดยเร็ว

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

2. พัฒนาศก.ภูมิภาคพาณิชย์ยกทีมคุยเอกชนในพื้นที่ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2568)

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาวจิตติมา ศรีถาพร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) นายกองตรี พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อรับฟังข้อเสนอและหารือแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยกระทรวงพาณิชย์มีความมุ่งมั่นในการผลักดันเศรษฐกิจการค้าของประเทศ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง เช่น จังหวัดอุดรธานี ที่เป็นประตูสำคัญ สู่ลุ่มน้ำโขง พร้อมย้ำว่าจะได้เริ่มเจรจาการค้าประเด็นภาษีกับสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากนั้น ยังมีแผนเจรจาการค้ากับจีน โดยเสนอให้ภาคเอกชนจีนร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยอย่างถูกต้อง ไม่ผ่านระบบนอมินี เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม สำหรับการค้าชายแดนร่วมกับลาว ตนพึ่งมีโอกาสพบกับ นายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว ในระหว่างเยี่ยมชมงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2025 ได้ใช้โอกาสนี้หารือกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าของลาว เพื่อผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศให้บรรลุเป้าหมาย 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 โดยไทยได้แสดงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่ง สปป.ลาว ครั้งที่ 8 โดยเร็ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ได้จัดร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนแผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม

 

A person in a yellow jacket

AI-generated content may be incorrect.

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

 

3. 'พาณิชย์' แนะใช้อีคอมเมิร์ซขายสินค้าไทยเจาะตลาดบราซิล (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568)

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวพุทธชาติ วงษ์มงคล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซาเปาโล ประเทศบราซิล ถึงการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซในบราซิลปี 2025 และโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซของบราซิล กําลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขับเคลื่อนโดยการขยายตัวของอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ประชากรเข้าใจดิจิทัลเพิ่มขึ้น และมีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยตามรายงานล่าสุดของ IMARC Group ขนาดตลาดอีคอมเมิร์ซของบราซิลคาดว่าจะเติบโตที่ 13.32% ในช่วงปี 2024-2032 และยังมีผลิตภัณฑ์ออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงร้านขายของชํา ยา และบริการ ที่มีจำหน่ายมากขึ้น นอกเหนือจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแฟชั่นที่จำหน่ายอยู่เดิม สำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายและทางเลือกมากขึ้น วิธีการชําระเงิน ก็มีการพัฒนาเช่นกัน มีกระเป๋าเงินดิจิทัล Pix (ระบบการชําระเงินแบบทันที) และแผนการผ่อนชําระ ช่วยให้ผู้คนซื้อสินค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น มีการลงทุนด้านโลจิสติกส์และการจัดส่งกําลังเพิ่มขึ้น เชื่อถือได้มากขึ้น และถูกกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่และพื้นที่ชนบท มีการใช้โซเชียลมีเดีย สำหรับการสืบหาผลิตภัณฑ์และการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ซื้อที่อายุน้อย และอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกําลังเติบโตเช่นกัน เพราะผู้บริโภคชาวบราซิลต้องการเข้าถึงแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่างประเทศที่ไม่มีจําหน่ายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค แสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะซื้อสินค้าที่หลากหลายทางออนไลน์มากขึ้น จากปัจจัยด้านความสะดวกและราคาที่จูงใจและสามารถผ่อนได้ จึงเป็นโอกาสของสินค้าจากต่างประเทศในการขายออนไลน์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปขายผ่านช่องทางออนไลน์ไม่แพ้กัน ซึ่งจากการสำรวจล่าสุด พบว่า สินค้าไทย อาทิ สินค้าอาหารพวกเครื่องปรุงซอสพริกศรีราชา น้ำจิ้มไก่ ผงทำสังขยา เส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำปลา เครื่องแกง มีจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Hikariซึ่งเป็นช่องทางอีคอมเมิร์ซการขายสินค้าอาหารที่ใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคใต้ของบราซิลแล้วและผู้บริโภคในรัฐต่างๆ ทั่วบราซิลสามารถสั่งซื้อจากแพลตฟอร์ม Hikari ได้อย่างทั่วถึงและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ข่าวต่างประเทศ

A red flag with yellow stars

AI-generated content may be incorrect.

 

4. จีนเผยดัชนี CPI, PPI ลดลงต่อเนื่องในเดือนพ.ค. บ่งชี้เศรษฐกิจเผชิญเงินฝืด (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568)

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพฤษภาคม 2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่สี่ สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ยังไม่สามารถทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นได้ ในขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ ส่วนในช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคม ดัชนี CPI ปรับตัวลงโดยเฉลี่ย 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ NBS รายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนราคาสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ลดลง 3.3% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.2% โดยดัชนี PPI ปรับตัวลงต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)