ข่าวประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

1. ดีพร้อม เฟ้นหาอุตฯ ดีเด่นด้านโลจิสติกส์-ห่วงโซ่อุปทานปี 68 (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ได้มีการประชุมคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธาน นายอาทิตย์ พัฒนพงศ์ชัย รองประธานคณะทำงานฯ พร้อมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีการชี้แจงข้อมูลให้ที่ประชุมได้รับทราบถึงรายชื่อคณะทำงาน กระบวนการพิจารณาคัดเลือก รวมถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ประจำปี พ.ศ. 2568 พร้อมทั้งแจ้งรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกอุตสาหกรรมดีเด่น และกำหนดการตรวจประเมินสถานประกอบการรอบที่ 1 โดยมีสถานประกอบการเข้ารับการตรวจประเมินจำนวน 8 บริษัท ทั้งนี้ ทางด้านนายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานนี้ เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ประกอบการที่โดดเด่นในด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน รวมถึงมีการประกอบการเป็นอุตสาหกรรมที่ดี เติบโตและอยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ภาคอุตสาหกรรมมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้สามารถปรับตัวเข้าสู่โลกอนาคต และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมให้ชุมชนรักโรงงาน โรงงานรักชุมชน และสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน ตามนโยบาย MIND ในการเติบโตอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ ของ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกแบ่งออกเป็น 5 หมวด ได้แก่ หมวดที่ 1 การกำหนดกลยุทธ์การบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานที่ยั่งยืน หมวดที่ 2 การวางแผนการบริหารจัดการโลจิสติกส์แสะโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน หมวดที่ 3 การวัดประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หมวดที่ 4 การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน และ หมวดที่ 5 ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานกับองค์กรภายนอก ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น พร้อมกับให้คะแนนจากการตรวจประเมินในรอบที่ 1 เพื่อคัดเลือกสถานประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เพื่อดำเนินการตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการต่อไป

 

A person smiling for a picture

AI-generated content may be incorrect.

นางอารดา เฟื่องทอง

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.)

 

2. คต.จัดระเบียบนำเข้ายางเก่า เพื่อการหล่อดอกส่งขายต่างประเทศ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2568)

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ยางรถใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2568 มีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุง เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกฎหมายควบคุมการนำเข้ายางรถใช้แล้วกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังคงอนุญาตให้ยางรถที่ใช้งานแล้วชนิดที่ใช้กับรถบัสหรือรถบรรทุก ตามพิกัดอัตราศุลกากร 4012.20.21 และ 4012.20.29 สามารถนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการหล่อดอกแล้ว ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับกรณีประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับ และเพื่อให้การอนุญาตนำเข้ายางรถที่ใช้งานแล้วเพื่อการหล่อดอกแล้วส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ข้างต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กรมฯ จึงได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตนำเข้ายางรถที่ใช้งานแล้วประเภท ดังกล่าว และได้จัดทำ (ร่าง) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำยางรถที่ใช้งานแล้วเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการหล่อดอกแล้วส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ได้มีการกำหนดเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว ผ่านระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา (www.law.go.th) และเว็บไซต์ กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความเห็นชอบต่อไป

 

นายพรยศ กลั่นกรอง

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

3. 'กรอ.' กำกับโรงงานเชิงรุก อัด 300 ล. ทลายวงจรทิ้งกาก (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2568)

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการตรวจสอบและกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงาน ในการอบรมหลักสูตร "พัฒนาสมรรถนะเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด : เตรียมความพร้อมเป็นอุตสาหกรรมจังหวัด" รุ่นที่ 1 ว่า ได้ย้ำชัดความสำคัญของการทำงานแบบเป็นเอกภาพระหว่าง กรมโรงงานฯ และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) เพื่อให้การอนุญาตและกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องตามกฎหมาย พร้อมกำชับให้ทุกพื้นที่บูรณาการ       ความร่วมมือกับหน่วยงานในจังหวัด อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ บก.ปทส. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และควบคุมกิจกรรมโรงงานอย่างรัดกุมและครอบคลุมทุกมิติ ป้องกันการลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นภัยแฝงที่กระทบต่อประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ กรมโรงงานฯ ยังเร่งผลักดันการใช้ระบบ E-License เพื่อให้การอนุญาตโรงงานดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และสะท้อนความเป็นมืออาชีพของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ได้จัดสรรงบกว่า 300 ล้านบาท แก้ไขปัญหากากอุตสาหกรรมตกค้าง ในพื้นที่เสี่ยง โดยขอความร่วมมือให้ สอจ. ร่วมดำเนินการจัดการกากอย่างปลอดภัยและฟ้นฟูพื้นที่ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ทุกคนคือทีมกระทรวงอุตสาหกรรม ขอให้เข้าใจทิศทางและภารกิจของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย ซึ่งการทำงานแบบมืออาชีพและการประสานอย่างใกล้ชิดระหว่างส่วนกลางและจังหวัด คือ กุญแจสำคัญในการนำพาอุตสาหกรรมไทยก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

ข่าวต่างประเทศ

4. IMF เตือนเศรษฐกิจยูโรโซนเสี่ยงขาลง คาด GDP อาจโตเพียง 0.8% ปีนี้ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2568)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานว่า ยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซา หากไม่มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุนที่อ่อนแอ และภัยคุกคามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดย IMF ระบุว่า ความตึงเครียดด้านการค้าและอุปสงค์ที่ซบเซาลง กำลังส่งผลกระทบต่อแรงผลักดันทางเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยุโรปจะเผชิญภาวะขาลง ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.8% ในปี 2568 แม้อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมายก็ตาม โดย IMF แนะนำให้รัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อพลิกฟื้นประสิทธิภาพด้านการผลิตและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว พร้อมกับเตือนว่าการแตกกลุ่ม (fragmentation) ทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ กำลังบั่นทอนการเติบโตของภาคเอกชน เนื่องจากบริษัทเอกชนต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร โดยหากรัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านการใช้กฎระเบียบที่สอดคล้องกันและการปฏิรูปตลาดทุน ก็อาจช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 3% ภายในช่วงเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ รายงานของ IMF ระบุว่า ประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่มีสถานะการคลังที่แข็งแกร่งควรจะเพิ่มการลงทุน เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ การดูแลประชากรสูงวัย และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ทำให้งบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.9% ในปี 2568, 1.1% ในปี 2569 และ 1.3% ในปี 2570 โดย ECB ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในปี 2569 ลง 0.1% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมีนาคม              

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)