ข่าวประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit sitting at a table

AI-generated content may be incorrect.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

1. ส.อ.ท. โชว์โอกาสทองความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี ชี้ไทยต้องเรียนรู้-หาจุดสมดุลพัฒนาธุรกิจร่วมกัน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568)

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในงาน Exclusive Dinner Talk ไทย-จีน THE GOLDEN ROAD FROM NOW TO ETERNITY หัวข้อ โอกาสและความร่วมมือด้านการลงทุนไทย-จีน ว่า ปี 2568 นี้ ถือเป็นปีทองในวาระความสัมพันธ์ไทยและจีนครบรอบ 50 ปี ซึ่งปีนี้ ส.อ.ท.มีกิจกรรมมากมายร่วมกัน เนื่องจากโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ระบบการค้าที่มีความท้าทายมากขึ้น ทำให้ภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับตัวอย่างยิ่ง การที่ ส.อ.ท. ประกาศยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ตรงกับนโยบายของประเทศจีนที่ตั้งไว้ ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราสามารถเข้าสู่ความร่วมมือในห่วงโซ่การเป็นพันธมิตร การช่วยเหลือและพัฒนายกระดับเทคโนโลยี โดยในปี 2567 เป็นปีที่มีการลงทุนจากจีนเข้าไทยจำนวนมากกว่า 1.7-1.8 แสนล้านบาท และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาการหลั่งไหลของการลงทุนจากจีนเข้ามาในไทยเป็นอันดับ 1 สะสมกว่า 8 แสนล้านบาท โดยตัวเลขการค้าขายในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คิดเป็นมูลค่า 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 26% เทียบกับปี 2567 ทำให้ประเทศไทยต้องเรียนรู้และเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตร่วมกัน ทำอย่างไรในการหาจุดสมดุล รวมถึงนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาพัฒนาในด้านต่างๆ ร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.และกรุงเทพฯ รวมถึงหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ทำโครงการเพื่อมอบของขวัญให้ประชาชน คือ การช่วยลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ หลังจากดำเนินการในจีนแล้วประสบความสำเร็จได้ จึงมองว่าสิ่งนี้จะเป็นของขวัญในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่ใช่เฉพาะการค้าขายหรือการลงทุน แต่มีมิติที่สร้างความแนบแน่นมาเป็นเวลานาน จึงเชื่อว่าทั้งไทยและจีนจะทำงานร่วมกันไม่ใช่อยู่แค่ 50 ปี แต่จะอยู่ด้วยกันอีกตลอดไปอย่างลงตัวและกลมกลืน เป็นความสัมพันธ์แบบวิน-วิน มีความจริงใจระหว่างกัน ซึ่งจะหาแนวทางทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาไปสู่ Golden Road

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายวิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล

รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

 

2. อุตฯ อิเล็กทรอนิกส์ทิ้งสหรัฐ (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568)

นายวิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า ในการเจรจาต่อรองอัตราภาษีตอบโต้ทางการค้า (Reciprocal Tariffs) ของทีมไทยแลนด์กับทางสหรัฐ รอบที่ 2 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าทีมีความเป็นไปได้ในทางบวก แต่ก็ยังคงเชื่อว่าต่อให้ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กำหนดในการเก็บภาษีตอบโต้ที่ 36% กับไทย ผลการสรุปอัตราที่ไทยจะได้รับและเงื่อนไขการต่อรองต่างๆ ก็ยังไม่อาจสรุปแบบเป็นทางการได้ และภาคเอกชนก็ยังประเมินว่า อัตราที่สหรัฐจะเก็บกับไทยนั้นน่าจะคงอยู่ในช่วงอัตรา 20-25% ซึ่งโอกาสก็ค่อนข้างที่จะเป็นไปได้น้อย แต่ก็ยังถือว่ามีโอกาส เพราะทีมไทยแลนด์พยายามใช้เงื่อนไขการต่อรองที่ว่า สินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐบางรายการจะเป็นภาษี 0% ซึ่งจากการประเมินความเห็นของภาคเอกชน มีความคิดเห็นค่อนข้างที่จะตรงกันว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ น่าจะคงเก็บภาษีของไทยในอัตราที่ค่อนข้างสูง แต่จะต่ำกว่า 36% เป็นไปได้ยาก เนื่องจากไทยยังไม่สามารถทำในสิ่งที่สหรัฐต้องการได้ เพราะเชื่อว่า สหรัฐต้องการที่จะส่งสินค้าเข้ามาขายในไทย โดยได้อัตราภาษีนำเข้าที่ 0% เช่นเดียวกับที่ประเทศเวียดนามเสนอให้ เป็นการบ่งบอกว่า เวียดนามยอมทุกอย่าง ในการที่จะค้าขายกันต่อในอนาคต แม้จะต้องเททุกอย่างให้ก็ตาม ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากอัตราภาษีที่สหรัฐจะตอบโต้ไทยในครั้งนี้ เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองเกมและประเมินทิศทางที่จะเกิดขึ้นมานานแล้ว พร้อมทั้งปรับการทำธุรกิจที่จะไม่พึ่งพิงตลาดใหญ่ๆ เพียงตลาดเดียว การขยายไปตลาดประเทศอื่นได้เริ่มทำกันมานานแล้วก่อนหน้านี้ เพราะต้องบาลานซ์พอร์ตการส่งออก ให้ไม่เน้นไปที่ตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป แม้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่จำเป็นต้องทำให้เร็วที่สุด ซึ่งบางรายยอมทิ้งตลาดสหรัฐ เพราะกังวลนโยบายในอนาคตที่มีแต่ความไม่แน่นอนสูง

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และการที่ไทยจะก้าวไป สู่ High Tech Electronic นั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องดูเรื่องของการดึงการลงทุนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่ไปด้วย ส่วนเป้าหมายหลัก คือ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งหลังการตั้ง คณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ด เซมิคอนดักเตอร์) ขึ้นมา โดยตั้งเป้าหมาย ดึงเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2568-2572) เพื่อ ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางการผลิต เซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงในภูมิภาค จากนั้นในระยะถัดไปจะต้องขยับจากการเป็นประเทศฐานการผลิตเป็นประเทศคู่ค้า

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT

 

3. GIT ปักหมุดจัดประชุมอัญมณีโลก 2568 ตอกย้ำไทยศูนย์กลางการค้า (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568)

 

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า สถาบันฯ มีกำหนดจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025) เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ที่ให้นักวิชาการ นักวิจัย นักออกแบบ ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทั่วโลกมาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นำเสนอผลงานวิชาการ และอภิปรายเกี่ยวกับนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของการจัดงานในปีดังกล่าว ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติที่เข้มแข็ง ซึ่งไม่เพียงแต่จะแสดงถึงขีดความสามารถทางวิชาการและความเป็นผู้นำของสถาบันในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรม โดยเบื้องต้นจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้างและการจัดหาอย่างรับผิดชอบ (Responsible Sourcing) การออกแบบเชิงนวัตกรรม และการสร้างรูปแบบธุรกิจที่มีจริยธรรม เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะ "ศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานประชุม GIT 2025 ยังจะได้รับโอกาสพิเศษในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 72 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 13 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกัน เอื้อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม GIT 2025 จะเป็นเวทีที่สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านอัญมณีและเครื่องประดับอย่างแท้จริง เราต้องการสร้างการรับรู้และผลักดันให้อุตสาหกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง

 

ข่าวต่างประเทศ

A red and white flag

AI-generated content may be incorrect.

4. อินโดฯ ทุ่ม 8 พันล้านดอลล์-จับมือบริษัทสหรัฐฯ สร้างโรงกลั่นน้ำมัน 17 แห่ง (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568)

กระทรวงเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของอินโดนีเซีย หรือดานันตารา (Danantara) เตรียมลงนามในสัญญาด้านวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์กับ เคบีอาร์ อิงก์ (KBR Inc) บริษัทวิศวกรรมสัญชาติสหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแบบโมดูลาร์ 17 แห่ง โดยสัญญาฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้น     เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ตัดสินใจลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอินโดนีเซียลงเหลือต่ำสุดในอาเซียน

อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียยังคงอยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ แม้ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซียลงเหลือ 19% จากเดิม 32% โดยอินโดนีเซียกำลังขอข้อยกเว้นภาษีสินค้าส่งออกบางประเภท เช่น น้ำมันปาล์มและนิกเกิล ขณะที่สินค้าจากสหรัฐฯ ที่นำเข้าอินโดนีเซียจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเนื้อหมู รวมถึงมีการผ่อนปรนข้อกำหนดด้านโควตานำเข้าสำหรับสินค้าบางประเภทด้วย

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)