ข่าวประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

1. "เอกนัฏ" ฟันบริษัทนำเข้าสินค้าสวม มอก. ปลั๊กไฟกว่า 6 แสนชิ้น ชง “DSI” รับเป็นคดีพิเศษ (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2568)

 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้นำทีมสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าตรวจสอบ บริษัทฯ ดีเอส ทูลส์ จำกัด ซึ่งเป็นโกดังเบ็ดเตล็ดทั่วไปภายในมีผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และสวมเครื่องหมาย มอก. จำนวนรวมกว่า 600,000 ชิ้น ทั้งฝักบัวอาบน้ำและก๊อกน้ำสำหรับสุขภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต แต่จากการตรวจสอบเบื่องต้นไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ สวมเครื่องหมาย มอก. โดยได้ประสานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เพื่อสอบสวนและขยายผลต่อไป นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ปรับหลักเกณฑ์กรณีพบการผลิตหรือนำเข้า สินค้าไม่ได้มาตรฐาน/ไม่มี มอก.  ซึ่งกว่าจะได้พักใช้ใบอนุญาต จนมาถึงเพิกถอนใบอนุญาต จะมีการแจ้งเตือน หรือให้ใบเหลืองหลายครั้ง ก่อนจะให้ใบแดง   จึงต้องมีการแก้กฎหมายให้เข้มงวดและเด็ดขาดมากขึ้น ทั้งนี้ ทางด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือปลั๊กไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน ถือเป็นภัยอันตรายต่อผู้บริโภคที่สุด ดังข่าวที่เราพบเห็นเช่นไฟฟ้าลัดวงจร เพลิงไหม้ อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วย ก๊อกน้ำ ฝักบัว ต้องมีมาตรฐานคือถ้าไม่ได้คุณภาพอาจมีสารเคมีปนเปื้อน แนะนำว่าก่อนซื้อสินค้าที่ต้องมีความปลอดภัยให้ดูว่ามีตรา มอก. หรือไม่ และ มอก. ของแท้จะมี QR Code ให้สแกนให้เห็นว่ามีใบอนุญาต สินค้าสวมสิทธิ์จะไม่เจอ ซึ่งการแสดงเครื่องหมาย มอก.ปลอม มีความผิด เราต้องเร่งตรวจสอบและจัดการ

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ในครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ทีมสุดซอย ร่วมกับ สมอ. ได้เข้าตรวจค้นคลังเก็บสินค้าของบริษัท ดีเอส ทูลส์ จำกัด และพบผลิตภัณฑ์เต้ารับ เต้าเสียบ รางปลั๊กไฟ สวิสซ์ไฟที่ไม่ปรากฏเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. จำนวนกว่า 600,000 ชิ้น และผลิตภัณฑ์ฝักบัวและก๊อกน้ำที่แสดงเลขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไม่ถูกต้อง จำนวน 2,460 ชิ้น ซึ่งนำเข้ามาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าหน้าที่ สมอ. จึงทำการยึดอายัดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานการตรวจควบคุมและเป็นหลักฐานในการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งเข้าข่ายอาจเป็นคดีพิเศษมีโทษอาญา

 

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

น.ส.ณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม

2. ดีพร้อม หนุนมาตรฐานผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทย Thailand Textiles Tag ยกระดับสู่ความยั่งยืน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2568)

น.ส.ณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อยกระดับความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้เกิดมูลค่าและรายได้เพิ่มสูงขึ้น พร้อมให้ความสำคัญเรื่องสินค้าที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน จึงจำเป็นต้องช่วยส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถพัฒนา สินค้าที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) โดยดำเนินงานภายใต้นโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ตามนโยบาย 4 ให้ 1 ปฏิรูป ให้ทักษะใหม่ให้เครื่องมือทันสมัยให้โอกาสโตไกลให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน และปฏิรูป ดีพร้อมสู่องค์กรที่ทันสมัย โดยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แฟชั่นไลฟ์สไตล์ไทย เพิ่มมาตรฐานของสินค้าในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้ ดีพร้อม ได้จัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม (DIPROM Thailand Textiles Tag) ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยการ  บูรณาการกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพื่อเร่งยกระดับผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทย ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อาทิ ผู้ผลิต เส้นด้าย ผ้าผืน เสื้อผ้าสำเร็จรูป เคหะสิ่งทอ และสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่มีสิ่งทอเป็นองค์ประกอบ ด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน พร้อมการขอรับรองภายใต้ตราสัญลักษณ์คุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทย (Thailand Textiles Tag) ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อผ้าความคงทนของสี และความปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้และกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย (Made in Thailand)

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสนใจยื่นขอการรับรองเครื่องหมาย Thailand Textiles Tag และพัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้การรับรองตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งสิ้น 36 กิจการ 57 ผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองในปีนี้  มีหลากหลายประเภท อาทิ ผ้าผืนสำหรับนำไปพิมพ์และตัดเย็บ ผ้าพิมพ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งบุรุษและสตรี ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยใน 6 ปีที่ผ่านมานั้น มีผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองเครื่องหมายรวมทั้งสิ้น 187 กิจการ 328 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 180 ล้านบาท

 

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

นายพรยศ กลั่นกรอง

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

3. กรอ.สปีดแผนลดคาร์บอนอุตฯ ไทย (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2568)

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ในฐานประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมและรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว เปิดเผยว่า กรอ.จะเร่งผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียวในทุกมิติ มุ่งเป้าโรงงาน 100% อยู่ในระบบ หรือคิดเป็นจำนวน 3,654 ราย พร้อมผนวกการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กร (CFO) เข้าในหลักเกณฑ์อุตสาหกรรมสีเขียว นำอุตสาหกรรมบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ โดยในปี 2568 กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ปรับปรุงเกณฑ์ข้อกำหนดอุตสาหกรรมสีเขียวและพัฒนาแพลตฟอร์มให้ผู้ประกอบการเริ่มบันทึกข้อมูลการใช้ทรัพยากร และประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กร ในขอบเขตที่ 1 (การเผาไหม้เชื้อเพลิงและสารทำความเย็น), 2 (การซื้อไฟฟ้า) และ 3 (การใช้วัตถุดิบ) พร้อมกับจัดอบรมการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กรให้กับผู้ประกอบการโรงงาน โดยความร่วมมือ กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) International Center for Environmental Technology Transfer (ICETT) ประเทศญี่ปุ่น และองค์กรการพัฒนาของอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization: UNIDO) เพื่อขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาคอุตสาหกรรม โดยมีกิจกรรมให้คำแนะนำเชิงลึก แก่สถานประกอบการทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย รวมถึงการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กร เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้มีมาตรฐานและสามารถสู้กับมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ กรมโรงงานฯ ได้พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมการจัดการของเสียตามแนวนโยบาย 3Rs สู่การฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) และในปัจจุบันดำเนินนโยบายสิ้นสุดการเป็นของเสีย (End-of-Waste) เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้พัฒนาแนวทางการสิ้นสุดการเป็นของเสีย สำหรับเถ้าแกลบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อผลิตไบโอโซเดียมซิลิเกต และนำของเสียแบบพิมพ์ปูนพลาสเตอร์มาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตแผ่นก่อผนังยิปซัมและผลิตเซรามิกโบนไชน่า รวมทั้งจัดการอบรมเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งกรมโรงงานฯ ได้นำร่องประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์องค์กรของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และใช้ผลการประเมินมาบ่งชี้โอกาสในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. ญี่ปุ่นเผยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดครึ่งปีแรก 68 เพิ่มขึ้น 9% หลังขาดดุลการค้าลดลง (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2568)

กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่ระดับ 14.60 ล้านล้านเยน (9.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการขาดดุลการค้าที่ลดลง โดยในรายงานระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2568 ดุลการค้าสินค้าขาดดุล 1.76 ล้านล้านเยน ซึ่งหดตัวลง 28.9% จากปีก่อนหน้า โดยยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 2.3% แตะที่ระดับ 51.86 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.9% สู่ระดับ 53.62 ล้านล้านเยน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านด้านรายได้ปฐมภูมิ (Primary Income) ซึ่งสะท้อนผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศของญี่ปุ่น เกินดุลอยู่ที่ 20.77 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 3.3% ขณะเดียวกัน ยอดเกินดุลเฉพาะเดือนมิถุนายน อยู่ที่ 1.35 ล้านล้านเยน ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นดัชนีชี้วัดที่ครอบคลุมการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดตัวหนึ่ง

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)