ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม 2567

ข่าวในประเทศ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. ยกระดับแข่งเวทีโลก (ที่มา: สยามรัฐ, ประจำวันที่ 8 ตุลาคม 2567)

 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่กับนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เยี่ยมชมสถานประกอบการ SME และ ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อพัฒนาศักยภาพสร้างความเท่าเทียมให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมในการให้ความสำคัญ Save อุตสาหกรรมไทยสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค โดย SME มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เป็นกลไกหมุนเวียนรายได้และกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ จากรายงานสถานการณ์ SME ไทย ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในปี 2566 พบว่า มีผู้ประกอบการกว่า 3.24 ล้านราย กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และจากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต (สอจ.ภูเก็ต) จึงได้ส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมในภูมิภาค ผ่านกิจกรรม สร้างงาน สร้างอาชีพ และการกระจายรายได้ ให้คำปรึกษาพัฒนาบรรจุภัณฑ์และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ทางด้านกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม ยังได้จัดฝึกอบรมการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมให้ดีพร้อม หรือ คพอ.ดีพร้อม เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะด้านการบริหารจัดการในทุกมิติผ่านกระบวนการฝึกอบรม ส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่าย สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือทางธุรกิจสู่การพัฒนาศักยภาพให้สามารถขยายธุรกิจให้เติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังได้เชิญ ธพว. มาร่วมสำรวจพื้นที่ด้วยกันว่ามีกลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนมาเพื่อใช้ประกอบกิจการและให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและเทคโนโลยีได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมในภูเก็ต โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งเข้าใจถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการในโครงการสนับสนุนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่เรียกว่าโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมให้ดีพร้อมหรือ คพอ. (ดีพร้อม) สำหรับภูเก็ตมีการดำเนินงานมาแล้วทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งเป็นการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะสนับสนุนในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด การเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

2. ส.อ.ท.จับมือธพว. เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2567)

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับสภาพปัญหาในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองหรือสงครามระหว่างประเทศสภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมรวมถึงสงครามทางการค้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นภัยคุกคามของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้แต่ละประเทศต้องปรับตัวเพื่อทำให้สามารถแข่งขันได้ โดยในส่วนของภาคอุตสาหกรรมไทย ก็กำลังประสบกับปัญหาด้านโครงสร้างของอุตสาหกรรม ต้นทุนการผลิตที่สูง ขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลิตภาพแรงงานต่ำและขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดและการทุ่มตลาด ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทย ต้องเร่งพัฒนา และยกระดับการผลิตให้เกิดความเข้มแข็ง รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.โดยคณะกรรมการสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) และคณะกรรมการจากสายงานส่งเสริมและสนับสนุนสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ได้ต้อนรับนายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมผู้บริหารธนาคารซึ่งการมาครั้งนี้เพื่อเข้ามาหารือแนวทางการส่งเสริมสมาชิก ส.อ.ท. ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะโปรแกรมสินเชื่อ SME Green Productivity ที่กำหนดดอกเบี้ยเพียง 3% คงที่ 3 ปี พร้อมทั้งสามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน ซึ่งจากการหารือ ทางธนาคาร SME D Bank จะจัดทีมลงพื้นที่ 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อไปให้บริการ พร้อมคำปรึกษา เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับสมาชิก ส.อ.ท. เป็นกรณีพิเศษ โดยให้ทาง 18 กลุ่มจังหวัดรวบรวมรายชื่อสมาชิกที่มีความประสงค์กู้เงินหรือยื่นขอกู้แล้วไม่ผ่าน หรือมีปัญหาในขั้นตอนการพิจารณา โดยมุ่งหวังเพื่อช่วยสมาชิกทั้งประเทศให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อจาก SME D Bank ได้

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

 

3. ไทยฐานผลิตยางรถยนต์ คอนติเนนทอลลงทุนเพิ่ม 1.34 หมื่นล้าน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2567)

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตยางล้อสำหรับรถยนต์และยานพาหนะอื่นๆ (Radial Tires) ของบริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าลงทุนเพิ่มเติม 13,411 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่และส่วนต่อขยายของโรงงานเดิม ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง เพื่อขยายกำลังการผลิตยางล้อ สำหรับยานพาหนะจากเดิม 4.8 ล้านเส้น เพิ่มอีกปีละ 3 ล้านเส้น รวมเป็นทั้งหมด 7.8 ล้านเส้นต่อปี และจะจ้างงานในพื้นที่เพิ่มเติมกว่า 600 คน เมื่อรวมกับการจ้างงานเดิม 900 คน จะเป็นทั้งหมดกว่า 1,500 คน โดยจะใช้วัตถุดิบหลักจากในประเทศทั้งสิ้น ได้แก่ ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ ปีละกว่า 1,700 ตัน สำหรับคอนติเนนทอล กรุ๊ป ประเทศเยอรมนี เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ได้ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี ในปี 2566 กลุ่มธุรกิจยางรถยนต์ของบริษัท สามารถสร้างรายได้กว่า 14,000 ล้านยูโร หรือกว่า 5 แสนล้านบาท มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 20 แห่งใน 16 ประเทศทั่วโลก โดยได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เป็นเวลา 15 ปี และได้จัดตั้งโรงงานที่จังหวัดระยองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในโรงงานขนาดใหญ่ในเครือคอนติเนนทัล และเป็นโรงงานที่สามารถบรรลุมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระดับสูงที่สุด โดยใช้เครื่องจักรสมัยใหม่ที่ประหยัดพลังงาน มีการใช้ระบบอัตโนมัติในการขนย้ายวัตถุดิบและสินค้า อีกทั้งได้ติดตั้งแผงโซลาร์ขนาด 6.7 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนถึง 13% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในโรงงาน

อย่างไรก็ตาม บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส ตัดสินใจขยายการลงทุนครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยโรงงานในจังหวัดระยองจะเป็นฐานการผลิตสำคัญ เพื่อจำหน่ายยางล้อให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์และผู้ใช้งานทั่วไป ทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ รวมถึงกลุ่มยางรถยนต์เกรดพรีเมียม เช่น รุ่น MaxContact MC7 และยางสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจะมีความต้องการยางล้อสมรรถนะสูงและมีความทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับระบบส่งกำลังและอัตราเร่งที่แตกต่างจากรถยนต์สันดาปภายใน โดยราคายางรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปถึง 2 - 3 เท่า ทั้งนี้ การขยายลงทุนครั้งใหญ่ของคอนติเนนทอล ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงระดับโลก ทั้งในเรื่องความปลอดภัย และการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งตามกติกาใหม่ของโลก เช่น EUDR จะต้องตรวจสอบย้อน/กลับไปถึงการทำสวนยาง ที่ไม่ทำลายป่า เพื่อก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน โดยไทยมีความพร้อมในเรื่องนี้ การขยายฐานผลิตยางรถยนต์ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบยางธรรมชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยแล้ว ยังจะช่วยเสริมซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้มั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

 

ข่าวต่างประเทศ

A flag with a red circle and black lines

Description automatically generated

 

4. ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% หลังเงินเฟ้อชะลอตัวต่ำกว่าเป้า (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2567)

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.25% ในการประชุมวันที่ 11 ตุลาคม 2567 นี้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ BOK นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในเดือนมีนาคม 2565 และสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BOK ในวันนี้ มีขึ้นหลังจากเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ปรับตัวลงแตะระดับ 1.6% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และต่ำกว่าเป้าหมายที่ BOK กำหนดไว้ที่ 2%

อย่างไรก็ตาม BOK ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม 2564 โดยได้ปรับขึ้นทั้งสิ้น 3% ภายในระยะเวลา 16 เดือน จนแตะที่ระดับ 3.5% ในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยในเวลานั้น อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ 2.6% แต่หลังจากนั้นอัตราเงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นรุนแรงจนถึงระดับ 6.3% ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)