ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนมิถุนายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. ลุยบริษัทนำเข้าขยะพิษ! จ่อขนลอตใหญ่ (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีเครือข่ายปฏิบัติการบาเซล (Basel Action Network : BAN) แจ้งเตือนรัฐบาลไทยว่า จะมีเรือบรรทุกสินค้าจากสหรัฐฯ 35 ลำ เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม - 21 มิถุนายน 2568 นี้ อาจนำเข้าขยะอันตรายและผิดกฎหมายมายังไทย 222 ตู้ คอนเทนเนอร์ แบ่งเป็นตู้ขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ 219 ตู้ และขยะพลาสติก 3 ตู้ จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า บริษัท พี.ซี. วู๊ด จำกัด ที่ อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหนึ่งในบริษัทที่ขอนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จึงสั่งการให้ตรวจสอบพบว่า บริษัท พี.ซี. วู๊ดฯ ขออนุญาตเป็นพื้นที่เขตปลอดอากร (ฟรีโซน) แล้วสร้างโกดังให้บริษัทอื่นมาเช่าพื้นที่ทำกิจการเกี่ยวกับการร่อนแยกเศษโลหะ รีไซเคิลเศษโลหะและเศษอะลูมิเนียมเพื่อนำไปใช้ใหม่ รวมถึงถอดแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และบดย่อยชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เป็นของเสียอันตราย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับรายงานว่า ทุกบริษัทในพื้นที่กระทำความผิดหลายข้อหา ตั้งแต่การประกอบกิจการ โดยไม่ได้รับอนุญาต ติดตั้งเครื่องจักรไม่ตรงตามที่แจ้งขออนุญาต เคลื่อนย้ายซ่อนเร้นของกลางที่ถูกยึดอายัดไว้ ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง เรื่องการควบคุมการปนเปื้อน และระบบขจัดมลพิษทางอากาศฯ เป็นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามฐานความผิด สั่งบริษัท พี.ซี. วู๊ด จำกัด ให้หยุดประกอบกิจการทั้งหมด ซึ่งกรมศุลกากรจะพิจารณาระงับสิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมทั้งดำเนินคดีอาญา ทั้งนี้ บริษัทเหล่านี้มีพฤติกรรมตั้งเครือข่ายนิคมอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ มี 4 บริษัทผู้เช่าพื้นที่ทำผิดซ้ำซาก ทั้งยังมีบางบริษัทพยายามวิ่งเต้น โดยแอบอ้างถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และยังพบว่า ทุกโรงงานไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงและมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษ ทั้งการปนเปื้อนบนดิน และน้ำใต้ดิน ถือเป็นความไม่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ต้องเร่งกำจัดให้สิ้นซากโดยเร็ว

 

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

 

2. ดีพร้อมหนุนนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้าถึงแหล่งทุน-เชื่อมโยงเครือข่าย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ได้จัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย อาทิ กิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ DIPROM x Delta Angel Fund Connect โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้งกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ : DIPROM Young SMEs Network รุ่นที่ 2 เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ และทายาทธุรกิจได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจ สร้างความสัมพันธ์และเชื่อมโยงจุดเด่น สร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ทั้งนี้ ทางด้านนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สิ่งสำคัญของการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ คือ "การปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง" โดยดีพร้อม ได้วางแนวทางการดำเนินงานในปี 2568 ด้วยการปฏิรูปการดำเนินงานโฉมใหม่ โดยมองภาพการพัฒนาให้กว้างขึ้น และตอบสนองประเด็นปัญหาเชิงมหภาค รองรับการดึงดูดการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพ รวมถึงสนับสนุนวิสาหกิจไทยให้สามารถปรับตัวสู่โลกยุคใหม่ ให้อยู่รอด เดินต่อ และเติบโตสู่สากล

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจ เริ่มต้น หรือ DIPROM x Delta Angel Fund Connect มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ เชิงพาณิชย์ได้ โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นการต่อยอดจากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร "การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านการตลาด (Marketing Camp)" ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการบ่มเพาะทักษะทางธุรกิจและการตลาดอย่างเข้มข้น และมีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 50 ทีม เข้าสู่กิจกรรมการนำเสนอโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์ด้านการตลาดต่อแหล่งทุน (Pitching Day) รอบที่ 1 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีทีมที่ผ่านเข้ารอบครั้งนี้ จำนวน 20 ทีม ซึ่งจะเข้าสู่กิจกรรม "Proof Of Concept" (POC) เพื่อชิงเงินรางวัลเป็นทุนสำหรับการต่อยอดทางธุรกิจต่อไป

 

A person sitting in a chair

AI-generated content may be incorrect.

นายภาสกร ชัยรัตน์

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

 

3. 4 ปัจจัยปรับเร็ว จี้อุตฯ รับมือ (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2568)

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทย ยังต้องพึ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเป็นสาขาหลัก เป็นความท้าทายที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยความท้าทายที่สำคัญมี 4 ด้าน เริ่มจากความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น เอไอ ถูกนำมาใช้ในด้านต่างๆ การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาแชตบอต การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ และระบบการแปลภาษา ด้านการแพทย์ วินิจฉัยโรค และในอุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติในโรงงาน เชื่อมโยงกระบวนการผลิต กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือที่สำคัญให้ภาคการผลิตผ่านการกำหนดมาตรการต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ส่งเสริมเอไอมาใช้ในการทำวิจัยในคน เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นจริยธรรมทางการแพทย์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ส่วนความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ประเทศต่างๆ นำประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมมาออกกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป ซึ่งภาคอุตสาหกรรมของไทยจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อพัฒนาสินค้าและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์พัฒนาที่ยั่งยืน จึงได้ดำเนินมาตรการที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เร่งรัดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศอย่างน้อย 40% ภายใต้เขตประกอบการเสรี และเขตปลอดอากร ตามข้อเงื่อนไขการผลิตชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าในปี 2565-2566 คาดว่า ปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารวม 102,472 คัน อุตสาหกรรมเหล็ก โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมกับ สศอ. อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อน จำกัดการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อน เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้อัตรากำลังการผลิตเหล็กที่ตกต่ำต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังมีความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่เศรษฐกิจสูงวัย ซึ่งจำนวนและสัดส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งไทยและทั่วโลก ในส่วนของไทย เข้าสู่การเป็นสังคม สูงวัยอย่างสมบูรณ์ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเป็นประเด็นท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่พึ่งพาแรงงานจำนวนมาก โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินมาตรการ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม พัฒนาการออกแบบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และสนับสนุนการผลิตเสื้อผ้าที่คำนึงถึงแฟชั่น ควบคู่กับการทำงาน สำหรับตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น

 

ข่าวต่างประเทศ

A logo with a globe and arrows

AI-generated content may be incorrect.

 

4. OECD หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2568 เซ่นพิษภาษีสหรัฐฯ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2568)

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยว่า ได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลง 0.2% เหลือเพียง 2.9% โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ ซึ่ง OECD ระบุในรายงานว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกตอนนี้ "ท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ" และย้ำว่า "ถ้ายังมีการเพิ่มกำแพงการค้าอย่างมหาศาล ... และความไม่แน่นอนทางนโยบายยังคงอยู่ จะส่งผลกระทบในทางลบต่อแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก" ทั้งนี้ ทางด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า OECD ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ของญี่ปุ่นก็ถูกปรับลงเช่นกัน โดย OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต 1.6% ในปี 2568 และ 1.5% ในปี 2569 ซึ่งลดลงจาก 2.2% และ 1.6% ตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโต 0.7% ในปี 2568 ลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่จะขยายตัว 0.4% ในปี 2569 เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.2% ที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเมื่อค่าจ้างเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สำหรับจีนซึ่งไม่ใช่สมาชิก OECD คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 4.7% ในปี 2568 และ 4.3% ในปี 2569 ซึ่งลดลง 0.1% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าทั้งคู่ เนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลให้การส่งออกลดลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2569 OECD คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.9% ลดลง 0.1% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2568               

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)