ข่าวในประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. 'ธนกร' ชู ATTRIC คืบ 80% ดึงลงทุนปีละ 1 พันล้าน ดันไทยฮับยานยนต์อนาคต (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2568)
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center - ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมยืนยันเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ปี 2570 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ โดยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของภูมิภาคอาเซียน ด้านการส่งออกยางล้อรถยนต์ และประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก ศูนย์ ATTRIC จึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมาย ของการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วน และยางล้อ และเป็นสถานที่รองรับการทดสอบ และวิจัยด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า และยางล้อระดับโลก โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังกระจายเม็ดเงินในพื้นที่โดยรอบไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ATTRIC มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 2,683 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม ได้วางแนวทาง ในการดำเนินงาน โดยผลักดันให้ ATTRIC เป็น "โครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา" (Knowledge Infrastructure) เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน ดังนี้ ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ด้านการทดสอบ เพื่อสร้างบุคลากรทักษะสูง รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และที่สำคัญ คือ ลดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบในต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย รวมทั้งยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเข้าถึงเครื่องมือทดสอบที่มีคุณภาพสูงมาตรฐานสากล ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ ทางด้านนายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ก่อสร้างสนามทดสอบแล้วเสร็จจำนวน 5 สนาม ได้แก่ 1) สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 2) สนามทดสอบระบบเบรกมือ 3) สนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง 4) สนามทดสอบระบบเบรก และ 5) สนามทดสอบพลวัต ซึ่งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 1 สนาม คือ สนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ โดยพร้อมเปิดให้บริการอย่างครบวงจรได้ในปี 2570
จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
2. รัฐ-เอกชนปักธง อุตฯ ใหม่ คู่ชุมชน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2568)
จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการแห่งปี "ECO Innovation Forum 2025" ภายใต้แนวคิด "พัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน" ว่า การบริหารภาคอุตสาหกรรมต้องมุ่งสนับสนุนและพัฒนา ควบคู่กับการกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยยึดแนวทาง ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและการส่งเสริมเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรมจะสนับสนุนผู้ประกอบการ ให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โปร่งใส และยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาในสามมิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมิตรกับชุมชน ทั้งนี้ ทางด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จุดยืนของกระทรวง คือ สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่าน MIND ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคู่ชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเดิมซึ่งไม่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อมและสังคมได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายอสิ ตัณสถิตย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อขับเคลื่อนแนวทาง Eco Industry ตลอดจน Eco Industrial Town/ Green Industry และ Eco Factory รวมถึงการจัดการของเสีย ECO Factory for Waste Processor เพื่อให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มีเป้าหมาย Net zero ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
3. ดีพร้อม ผนึกสถาบันอาหารเร่งเครื่องอุตสาหกรรมฮาลาล-เกษตรอุตฯ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2568)
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้หารือแนวทางความร่วมมือกับ นางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ในการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมฮาลาล และเกษตรอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักระดับกระทรวงและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล โดยดีพร้อมได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล และเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งผลักดันให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยการขับเคลื่อนนโยบายฮาลาลของประเทศ ดีพร้อมได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการร่วมกับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) สถาบันอาหาร สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งในการปฏิบัติงานยังคงมีข้อจำกัดในหลายด้าน ทั้งในส่วนของโครงสร้างบุคลากรและการขอรับงบประมาณ โดยยังคงต้องการแรงสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายในการร่วมขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลให้เป็นรูปธรรมต่อไป ขณะที่การพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม ดีพร้อมมุ่งเน้นการขับเคลื่อนใน 3 มิติ ได้แก่ มิติเชิงพื้นที่ มิติระดับฐานราก และมิติการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและเห็นว่าสถาบันอาหารสามารถเข้ามามีส่วนในการสนับสนุนเรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและชีวภาพ (Bio) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติเชิงพื้นที่ ร่วมกับการดึงกลไกต่างๆ ของดีพร้อมเข้ามาส่งเสริม อาทิ ซอฟต์พาวเวอร์ บรรจุภัณฑ์ ระบบโลจิสติกส์ ห่วงโซ่อุปทาน และความยั่งยืน พร้อมส่งต่อผู้ประกอบการไปยังหน่วยงานเครือข่ายในภูมิภาค อาทิ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อร่วมกันผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่มีมาตรฐาน สามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ในโมเดิร์นเทรดต่างๆ ได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงแนวทางการเร่งผลักดัน ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (Industry Transformation Center: ITC) ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคทั้ง 11 แห่ง ให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP รวมถึงการยกระดับและแบ่งปันฐานข้อมูลผู้ประกอบการระหว่างสองหน่วยงาน เพื่อร่วมกันทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ผ่านศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thai-IDC) ที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน ตลอดจนมีความสะดวก ความสวยงาม สร้างความน่าสนใจ และช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ข่าวต่างประเทศ
4. เวียดนามไม่หวั่นสงครามการค้า ตั้งเป้าจีดีพีโต 10% ปีหน้า (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2568)
ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เปิดเผยว่า รัฐบาลจะตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP เวียดนาม) ที่ระดับอย่างน้อย 10% ในปี 2569 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระบุว่าเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ซึ่งประเทศจะยังคงให้ความสำคัญกับการเร่งการเติบโตพร้อมกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมเงินเฟ้อ รักษาดุลเศรษฐกิจหลัก และจำกัดระดับหนี้สาธารณะ และการขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนาม จะขยายตัวมากกว่า 8% ในปีนี้ โดยตั้งเป้าเติบโตที่ 8.3–8.5% ในปี 2568 โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ล่าสุดขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากโรงงานต่างๆ เร่งส่งออกสินค้าสู่ตลาดสหรัฐก่อนที่ภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)